ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ตำรวจชุดสืบสวนฯ เมืองภูเก็ต พร้อมด้วยตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดภูเก็ต นำตัวภรรยานายโกศล หนึ่งในโจรก่อเหตุปล้นร้านทองยงชวนกลับภูเก็ต สอบสวนขยายผลตามจับ 2 โจรก่อเหตุที่ยังหลบหนี เมียโจรร่ำไห้วอนผัวออกมามอบตัวต่อตำรวจ ทำเนียนปฏิเสธไม่รู้ขวดยาสระผมที่ผัวให้มีทองคำบรรจุอยู่
เมื่อเวลา 19.20 น.วันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ประวิทย์ เอ่งฉ้วน สารวัตรสืบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต นำตัวนางมูซา อายุ 31 ปี สัญชาติพม่า ภรรยาของนายโกศล สัญชาติมอญ 1 ใน 2 ผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุใช้อาวุธปืนอัดลม ชิงทรัพย์ร้านทองยงชวน พื้นที่ ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต เหตุเกิดเมื่อวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา พร้อมของกลางสร้อยข้อมือ และสร้อยคอทองคำ จำนวน 69 เส้น น้ำหนักประมาณ 78 บาท ที่ซุกซ่อนอยู่ในขวดยาสระผมยี่ห้อหนึ่ง ภายหลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางซื่อจับกุมได้ขณะลงรถที่สถานีขนส่งหมอชิต 2 มาควบคุมตัวไว้ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต เพื่อสอบสวนขยายผลไปสู่การติดตามจับกุมคนร้ายทั้ง 2 คน ที่ยังคงหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป
ทั้งนี้ นางมูซา ภรรยาของนายโกศล ผู้ต้องหา ซึ่งป่วยเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว ยังคงให้การปฏิเสธไม่รู้เห็นกับการก่อเหตุชิงทองของนายโกศล และเพื่อนในครั้งนี้ และไม่รู้ว่ามีทองคำซุกซ่อนอยู่ในขวดยาสระผมที่นายโกศลนำมามอบให้ หลังจากมารับตนที่บ้านพัก ซึ่งอยู่ที่บริเวณบ้านบ่อแร่ ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต เพื่อไปหาพี่สาว กับน้องสาวของนายโกศล ที่บริเวณน้ำตกกะทู้ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต นายโกศล กับเพื่อนคือนายเมฆ ผู้ต้องหาอีกคน ก็ได้แยกย้ายกันหลบหนี โดยนายโกศลอ้างว่า ตัวเองได้ไปมีปัญหากับเพื่อนมา จึงต้องหลบหนี ขอให้นางมูซาเดินทางกลับไปบ้านก่อนที่ประเทศพม่า
จากนั้น ในเช้าวันที่ 18 ก.ย.นางมูซาได้นั่งรถจักรยานยนต์รับจ้างเพื่อไปขึ้นรถโดยสารที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดภูเก็ต เพื่อเดินทางไปหาพี่สาวที่กรุงเทพฯ โดยตั้งใจว่าจะพักค้างคืนกับพี่สาวหนึ่งคืนก่อนที่จะเดินทางกลับประเทศพม่า แต่มาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้เสียก่อน อย่างไรก็ตาม นางมูซายังได้กล่าวทั้งน้ำตา เป็นภาษามอญ เรียกร้องให้นายโกศล ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุในครั้งนี้มามอบตัวต่อทางตำรวจ เพื่อรับกรรมที่ตนเองก่อไว้ด้วย ตนจะได้กลับบ้านไปดูแลลูก
พ.ต.อ.เสริมพันธ์ สิริคง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต กล่าวว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังปักใจเชื่อว่านายโกศล ยังคงหลบซ่อนอยู่ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เนื่องจากการสืบสวนทราบว่า นายโกศล เป็นชาวมอญที่มีเพื่อนฝูงมาก เพราะนายโกศล ประกอบอาชีพหลายอย่าง ทั้งเป็นพ่อค้าขายลูกชิ้นปิ้ง ทำแพปลา และขายปลาหมึก ประกอบกับวันนี้ (19 ก.ย.) นายโกศล ยังได้โทรศัพท์ติดต่อกับเพื่อน และพี่น้องอยู่ โดยทางทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวพี่สาว และน้องสาวของนายโกศล มาสอบปากคำแล้ว ซึ่งทั้ง 2 คนขายข้าวแกงอยู่ใกล้กับร้านทองยงชวนซึ่งเป็นร้านที่เกิดเหตุ
“ส่วนนายเมฆ ผู้ต้องหาอีกคน คาดว่าน่าจะหลบหนีออกจากพื้นที่จังหวัดภูเก็ตไปแล้ว พร้อมกับทองคำอีกจำนวนหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ได้มีการประสานกับทางชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรภาค 8 และตำรวจตรวจคนเข้าเมืองในพื้นที่ต่างๆ ทั้งหมด เพื่อติดตามจับกุมคนร้ายทั้ง 2 คนต่อไป โดยเฉพาะนายโกศล ถ้ายังไม่ได้หลบหนีออกไปจากจังหวัดภูเก็ต คิดว่าน่าจะติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้ในเร็วๆ นี้
เมื่อเวลา 19.20 น.วันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ประวิทย์ เอ่งฉ้วน สารวัตรสืบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต นำตัวนางมูซา อายุ 31 ปี สัญชาติพม่า ภรรยาของนายโกศล สัญชาติมอญ 1 ใน 2 ผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุใช้อาวุธปืนอัดลม ชิงทรัพย์ร้านทองยงชวน พื้นที่ ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต เหตุเกิดเมื่อวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา พร้อมของกลางสร้อยข้อมือ และสร้อยคอทองคำ จำนวน 69 เส้น น้ำหนักประมาณ 78 บาท ที่ซุกซ่อนอยู่ในขวดยาสระผมยี่ห้อหนึ่ง ภายหลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางซื่อจับกุมได้ขณะลงรถที่สถานีขนส่งหมอชิต 2 มาควบคุมตัวไว้ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต เพื่อสอบสวนขยายผลไปสู่การติดตามจับกุมคนร้ายทั้ง 2 คน ที่ยังคงหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป
ทั้งนี้ นางมูซา ภรรยาของนายโกศล ผู้ต้องหา ซึ่งป่วยเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว ยังคงให้การปฏิเสธไม่รู้เห็นกับการก่อเหตุชิงทองของนายโกศล และเพื่อนในครั้งนี้ และไม่รู้ว่ามีทองคำซุกซ่อนอยู่ในขวดยาสระผมที่นายโกศลนำมามอบให้ หลังจากมารับตนที่บ้านพัก ซึ่งอยู่ที่บริเวณบ้านบ่อแร่ ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต เพื่อไปหาพี่สาว กับน้องสาวของนายโกศล ที่บริเวณน้ำตกกะทู้ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต นายโกศล กับเพื่อนคือนายเมฆ ผู้ต้องหาอีกคน ก็ได้แยกย้ายกันหลบหนี โดยนายโกศลอ้างว่า ตัวเองได้ไปมีปัญหากับเพื่อนมา จึงต้องหลบหนี ขอให้นางมูซาเดินทางกลับไปบ้านก่อนที่ประเทศพม่า
จากนั้น ในเช้าวันที่ 18 ก.ย.นางมูซาได้นั่งรถจักรยานยนต์รับจ้างเพื่อไปขึ้นรถโดยสารที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดภูเก็ต เพื่อเดินทางไปหาพี่สาวที่กรุงเทพฯ โดยตั้งใจว่าจะพักค้างคืนกับพี่สาวหนึ่งคืนก่อนที่จะเดินทางกลับประเทศพม่า แต่มาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้เสียก่อน อย่างไรก็ตาม นางมูซายังได้กล่าวทั้งน้ำตา เป็นภาษามอญ เรียกร้องให้นายโกศล ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุในครั้งนี้มามอบตัวต่อทางตำรวจ เพื่อรับกรรมที่ตนเองก่อไว้ด้วย ตนจะได้กลับบ้านไปดูแลลูก
พ.ต.อ.เสริมพันธ์ สิริคง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต กล่าวว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังปักใจเชื่อว่านายโกศล ยังคงหลบซ่อนอยู่ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เนื่องจากการสืบสวนทราบว่า นายโกศล เป็นชาวมอญที่มีเพื่อนฝูงมาก เพราะนายโกศล ประกอบอาชีพหลายอย่าง ทั้งเป็นพ่อค้าขายลูกชิ้นปิ้ง ทำแพปลา และขายปลาหมึก ประกอบกับวันนี้ (19 ก.ย.) นายโกศล ยังได้โทรศัพท์ติดต่อกับเพื่อน และพี่น้องอยู่ โดยทางทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวพี่สาว และน้องสาวของนายโกศล มาสอบปากคำแล้ว ซึ่งทั้ง 2 คนขายข้าวแกงอยู่ใกล้กับร้านทองยงชวนซึ่งเป็นร้านที่เกิดเหตุ
“ส่วนนายเมฆ ผู้ต้องหาอีกคน คาดว่าน่าจะหลบหนีออกจากพื้นที่จังหวัดภูเก็ตไปแล้ว พร้อมกับทองคำอีกจำนวนหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ได้มีการประสานกับทางชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรภาค 8 และตำรวจตรวจคนเข้าเมืองในพื้นที่ต่างๆ ทั้งหมด เพื่อติดตามจับกุมคนร้ายทั้ง 2 คนต่อไป โดยเฉพาะนายโกศล ถ้ายังไม่ได้หลบหนีออกไปจากจังหวัดภูเก็ต คิดว่าน่าจะติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้ในเร็วๆ นี้