ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ศอ.บต.ส่งผู้แสวงบุญอีก 200 คน ไปประกอบพิธีฮัจญ์ ซึ่งเป็นบุคคลที่ได้รับการคัดเลือกจากผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และผู้ที่มีฐานะยากจน
วันนี้(19 ก.ย.) ที่ท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ จ.สงขลา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมส่งผู้แสวงบุญที่จะเดินทางไปกระกอบพิธีฮัจญ์ ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งในวันนี้เป็นผู้แสวงบุญที่ได้รับผลกระทบจากเหตุความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จากเหตุการณ์ตากใบ กรือเซะ เทพา และที่ถูกอุ้มหาย จำนวน 120 คน และข้าราชการ ผู้นำศาสนา และผู้ที่มีฐานะยากจนอีกจำนวน 80 คน ซึ่งทั้ง 200 คนได้รับการคัดเลือกจากคณะอนุกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้ง
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต.กล่าวว่า ผู้ที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ควรเตรียมตัวทางด้านวิชาการ และสุขภาพ เพื่อการทำฮัจญ์อย่างสมบูรณ์ ซึ่งจะมีผู้นำศาสนาคอยให้คำแนะนำ โดยนายอิสมาแอลุตฟี จะปะกียา ทางจุฬาราชมนตรีก็ทาบทามให้เป็นอมีรุจฮัจญ์ สิ่งหนึ่งคือการเตรียมการในประเทศไทย เราสามารถทำได้ แต่เมื่อไปอยู่ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย คือ จะอยู่นอกเหนือการควบคุมของ ศอ.บต. คนมุสลิมทั้งโลกจะต้องเดินทางไปทำฮัจญ์ ซึ่งทุกคนต้องยอมรับและปรับตัวให้ได้ ระยะเวลากว่า 40 วัน ซึ่งจะมีการเลือกแซะที่ยังไม่ได้เซ็นสัญญา โดยต้องเลือกให้ดีที่สุด เพื่อให้ทุกคนได้อยู่ในที่พักที่เหมาะสม อาจจะไม่ดีที่สุด เพราะอาจจะสู้มาเลเซียไม่ได้ แต่ปีนี้จะพยายามดูแลทุกคนอย่างดีที่สุด เพราะหลายคนค่อนข้างมีอายุ และมีปัญหาเรื่องสุขภาพ
อีกส่วนหนึ่งผมจะใช้พลังของรัฐบาล โดยขอให้กระทรวงการต่างประเทศ อย่างน้อยเรื่องการเดินทาง และอาหาร โดยในวันที่ 27-31 สิงหาคม 2555 ผมจะเดินทางไปประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่ง ดร.อิสมาแอลุตฟี จะปะกียา จะร่วมเดินทางไปด้วย โดยจะขอให้ช่วยดูแลทุกคน จำนวน 200 คน โดยในปีนี้จะประสานงานกับกระทรวงสาธารณสุข เรื่องการรักษาพยาบาล และจะมีหน่วยพยาบาลที่เมืองมาดีนะห์ นครเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย อยากจะให้กระทรวงสาธารณสุขดูแลกลุ่มคนเหล่านี้เป็นพิเศษ เพราะเหมือนเป็นตัวแทนรัฐบาล และเป็นตัวแทนของคนทั้งประเทศที่อยากจะทำฮัจญ์ให้แก่ผู้เสียชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ตากใบ เหตุการณ์กรือเซะ
โดยปีนี้ เพิ่มโควตาพิเศษสำหรับผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งภายในปีหน้าก็จะเพิ่มโควตาพิเศษให้แก่กลุ่มผู้ที่ยังไม่มีโอกาสได้เดินทางไปทำฮัจญ์ เพราะไม่ใช่แต่เป็นเพียงการแก้ไขปัญหาระยะสั้นเท่านั้น ซึ่งผมได้ประสานงานกับ นายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามจังหวัดปัตตานี ต้องคุยกับผู้ประกอบการที่ได้ประมูลดูแลให้ดีที่สุด อย่างน้อยต้องดีกว่าปีที่แล้ว หรือเสมอภาคกับปีที่แล้ว ทางผมก็ไม่ใช่เพียงฟังรายงานอย่างเดียว โดยจะเดินทางสำรวจสภาพปัญหาด้วยตนเอง โดยประสานงานกับท่านกงสุลใหญ่ชาลี ซึ่งผมเองเชื่อมั่นผู้นำทางศาสนาอิสลาม จุฬาราชมนตรี โดยจะยกระดับฮัจญ์ให้ดีที่สุด และจะกลับมาพูดคุยกับผู้ประกอบการที่ประมูลได้ อย่างน้อยที่สุดเรื่องที่พัก 6 วัน เรื่องการออกจากมีนาเข้าทุ่งอารอฟะห์ ซึ่งทั่วโลกมีความลำบากเท่ากัน แต่จำนวนอีกประมาณ 40 วันจะทำอย่างไรให้ทุกคนมีความสบายขึ้น
รองเลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวอีกว่า สิ่งที่สำคัญคือ ต้องทำฮัจญ์ให้สมบูรณ์ ซึ่งตามหลักศาสนาอาจจะมีหลัก คือ ต้องพักที่เดียวกัน อย่างน้อยที่สุด การประเมินของประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็เห็นด้วย และสนับสนุน เพราะเป็นเรื่องที่ทุกคนจะต้องเป็นทูตของประเทศ พยายามยกฐานะของประเทศให้ดีที่สุด ผมขอชื่นชมและแสดงความยินดีกับทุกคนที่ได้ทำตามศรัทธาในการปฏิบัติศาสนกิจ ซึ่งการไปทำฮัจญ์ในปีนี้ ผมหวังว่าทุกคนจะนำคุณค่าฮัจญ์มาพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พี่น้องมุสลิมทั่วโลกได้รู้ว่าพื้นที่ของเรามีการพัฒนา และสามารถเจริญขึ้นได้
ทาง ศอ.บต.พร้อมที่จะส่งเสริมให้ทุกคนได้ทำฮัจญ์อย่างสมบูรณ์ ซึ่งได้พูดคุยกับบาบอแม มีผู้ทำฮัจญ์จากอำเภอมายอ จังหวัดปัตตานี ไม่สบาย และไม่สามารถทำฮัจญ์ได้อย่างสมบูรณ์ ผมพยายามทำเต็มที่เพื่อให้เขาได้กลับมาในช่วงเดือนรอมฎอน เพื่อให้กลับมาเจอญาติพี่น้อง เป็นการแสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าใครก็ตามที่ประสบปัญหา และตอนนี้ก็กลับมาพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลปัตตานี ซึ่งค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนเงินกว่า 1 ล้านบาท และเป็นการแสดงว่า ทาง ศอ.บต.จะดูแลผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ทุกคน ไม่เฉพาะเพียงแค่ 200 คนที่ได้โควตาจาก ศอ.บต.เท่านั้น