กระบี่ - ศูนย์บริหารจัดการประมงทะเลฝั่งอันดามัน กระบี่ ร่วมกับผู้นำท้องถิ่นและชาวประมงพื้นบ้าน ใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านประดิษฐ์ซั้งกอสร้างแหล่งอาศัยสัตว์น้ำ เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเล ตามโครงการธนาคารบ้านปลา เพื่อให้เป็นแหล่งหากินของชาวประมงแบบยั่งยืน
วันนี้ (12 ก.ย.) ที่ท่าเทียบเรือบ้านท่าประดู่ ม.4 ต.ห้วยน้ำขาว อ.คลองท่อม จ.กระบี่ นายพงษ์ศักดิ์ กิตติกรกุล หัวหน้าฝ่ายชุมชนสัมพันธ์ ศูนย์บริหารจัดการประมงทะเลอันดามันกระบี่ พร้อมด้วยผู้นำท้องถิ่น และชาวประมงพื้นบ้าน ร่วมประดิษฐ์ซั้งกอตามแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน เพื่อนำไปวางในทะเลให้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ รวมจำนวน 250 ชุด เพื่อเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์น้ำในทะเล แหล่งสัตว์น้ำวัยอ่อน และเพิ่มปริมาณสัตว์น้ำ เป็นแหล่งทำมาหากินของชาวประมงอย่างยั่งยืน ตามโครงการธนาคารบ้านปลา เป็นการจำลองแบบปะการรังในทะเลมาใช้ในพื้นที่ชายฝั่ง ซึ่งสัตว์น้ำต่างๆ จะมารวมตัวกันบริเวณจุดที่มีการวางซั้งกอ
นายพงษ์ศักดิ์กล่าวว่า ปัจจุบัน จำนวนประชากรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงส่งผลกระทบต่อการบริโภคที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับการพัฒนาเทคโนโลยีในการทำประมงที่ทันสมัย ทำให้เกิดปัญหาความเสื่อมโทรมของพื้นที่ที่เป็นแหล่งอาศัยสัตว์น้ำ ส่งผลให้ทรัพยากรสัตว์น้ำไม่สามารถผลิตเพิ่มขึ้นตามธรรมชาติ ดังนั้น การบริหารทรัพยากรสัตว์น้ำ การฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะการป้องกันปราบปราม และการร่วมกันอนุรักษ์สัตว์น้ำในทะเลชายฝั่งที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด เพื่อให้มีสัตว์น้ำใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน
ทางศูนย์บริหารจัดการประมงทะเลฝั่งอันดามัน จึงได้จัดทำโครงการ ธนาคารบ้านปลาขึ้น โดยใช้วิธีการแบบภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยการทำซั้งกอไปวางในทะเลเพื่อเป็นแหล่งอาศัยสัตว์น้ำ และแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำวัยอ่อน เพื่อมีสัตว์น้ำให้ชาวประมงใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน สำหรับซั้งกอจะนำไปวางในบริเวณท่าเทียบเรือท่าประดู่ เป็นหนึ่งในวิธีการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำตาม แบบภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ชาวประมงพื้นบ้านทำสืบทอดกันมานานเพื่อเป็นแหล่งอาศัยสัตว์น้ำ
โดยแบ่งออกเป็น 3 แบบ ประกอบด้วย แบบไม้ไผ่ จำนวน 100 ชุด แบบทางมะพร้าวจำนวน 100 ชุด และแบบใช้อวน จำนวน 50 ชุด โดยนำไปวางไว้บริเวณร่องน้ำลึกประมาณ 6 เมตร ห่างจากท่าเรือประมาณ 300 เมตร ทิ้งไว้ประมาณ 20-30 วัน สัตว์น้ำก็จะมาอาศัยอยู่ในซั้งกอที่วางไว้ ซึ่งระหว่างนี้ชาวประมงจะต้องงดการใช้อวนจับปลาบริเวณดังกล่าว เพราะจะกระทบกับแหล่งอาศัยสัตว์น้ำ