ตรัง - สำนักบริหารพื้นที่จัดการอนุรักษ์ที่ 5 จ.นครศรีธรรมราช สนธิกำลัง 270 นาย รื้อถอนบ้านเรือน สวนปาล์ม สวนยาง ใน อ.สิเกา และ อ.กันตัง ที่บุกรุกเขตอุทยานฯ หาดเจ้าไหมเกือบ 100 ไร่ และเตรียมรื้อถอนเร็วๆ นี้อีกนับร้อยไร่ เผยที่ผ่านมา มีการบุกรุกแล้ว 70% ที่ต้องมีการตรวจสอบและรื้อถอนเพื่อทวงคืนผืนป่า
วันนี้ (5 ก.ย.) นายจีระศักดิ์ ชูความดี ผอ.สำนักบริหารจัดการพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 จ.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วย นายณรงค์ คงเอียด หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จ.ตรัง นำกำลังเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ในสังกัดสำนักบริหารจัดการพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สิเกา สภ.กันตัง ตชด.435 ฝ่ายปกครอง และ อส. รวม 270 นาย กระจายกำลังลงพื้นที่เข้ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง บ้านเรือน จำนวน 24 หลัง ต้นปาล์มน้ำมัน อายุประมาณ 1-2 ปี จำนวน 174 ต้น และต้นยางพารา ประมาณ 3,000 ต้น ในพื้นที่หมู่ที่ 4 ต.ไม้ฝาด อ.สิเกา รวมทั้ง หมู่ที่ 5 ต.โคกยาง หมู่ที่ 2 ต.บางสัก และหมู่ที่ 8 ต.บ่อน้ำร้อน อ.กันตัง ที่ได้มีการบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม รวมเนื้อที่ 97 ไร่
ผอ.สำนักบริหารจัดการพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ขณะนี้หลายจังหวัดได้มีการสนธิกำลังเข้ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง สวนปาล์มน้ำมัน สวนยางพาราที่บุกรุกพื้นที่เขตอุทยานฯ ตามนโยบายทวงคืนผืนป่า ในส่วนของ จ.ตรัง นั้น ในวันที่ 6 กันยายน ก็จะมีการสนธิกำลังเข้ารื้อถอนสวนยางพาราที่เหลืออีกจำนวน 144 ไร่ ในพื้นที่ ต.บางสัก อ.กันตัง เนื่องจากอุทยานฯ ประกาศให้ผู้ครอบครองรื้อถอนภายใน 90 วันแล้ว แต่ยังเพิกเฉยไม่ดำเนินการ ทางเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าว ส่วนพื้นที่อื่นๆ ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และทยอยเข้าตรวจยึดจับกุมต่อไป
สำหรับการดำเนินการตามนโยบายดังกล่าว ตนได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ยึดถือปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันเพื่อให้เกิดความเสมอภาค เช่น กรณี จ.ภูเก็ต ที่มีการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ ก็ได้มีการตรวจยึดจับกุมไปแล้ว ส่วนแนวทางการแก้ปัญหาข้อพิพาทพื้นที่ทับซ้อนระหว่างที่ทำกินของชาวบ้านและอุทยานฯ หาดเจ้าไหม จ.ตรัง ที่มีปัญหาเรื้อรังมานาน โดยเฉพาะพื้นที่ชายหาดปากเมงนั้น หากผู้ที่ครอบครองอยู่หลังมติ ครม. เมื่อวันที่ 30 มินายน 2541 ก็จะต้องถูกรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ทุกราย เพราะเป็นการบุกรุกพื้นที่อุทยานฯ ซึ่งขณะนี้ทราบว่าการพิสูจน์สิทธิในพื้นที่หมู่ที่ 4 และ 5 ต.ไม้ฝาด อ.สิเกา ได้เสร็จสิ้นแล้ว โดยมีการแจ้งสำรวจถือครอง จำนวน 248 แปลง เนื้อที่ 506 ไร่ 2 งาน 99 ตารางวา แต่ผลปรากฏว่า มีผู้ถือครองที่อยู่ก่อนประกาศเขตป่า จำนวน 158 ไร่ และอยู่หลังประกาศเขตป่าแล้ว จำนวน 348 ไร่
มีรายงานว่า ระหว่างนั้น นายสมนึก เซ่งง่าย ผู้ประกอบการร้านค้าชายหาดปากเมง และทีมงานที่มายืนคอยสังเกตการณ์เจ้าหน้าที่รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ ได้สอบถามนายจีระศักดิ์โดยแสดงความกังวลต่อนโยบายทวงคืนผืนป่า พร้อมกับกล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับผู้ที่ทำการบุกรุก แต่ในส่วนของผู้ที่ทำกินอยู่ก่อนแล้วก็ขอให้นำผืนป่าที่ยึดไปกลับมาทำเกษตรแบบดั้งเดิมเหมือนในพื้นที่ จ.ปัตตานี ซึ่งนายจีระศักดิ์ชี้แจงว่า กรมอุทยานฯ ไม่มีนโยบายดังกล่าว และต้องยึดถือปฏิบัติตามกฎหมาย เนื่องจากขณะนี้ในเขตอุทยานฯ หาดเจ้าไหม จ.ตรัง ถูกบุกรุกไปแล้วถึง 70 เปอร์เซ็นต์ และบางรายออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ ซึ่งขณะนี้กำลังเร่งทำการตรวจสอบ