ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถยังเดินหน้าตรวจสอบที่ดินตาม “ยุทธการทวงคืนผืนป่าอุทยานแห่งชาติสิรินาถจังหวัดภูเก็ต” เผยอีก 8 ราย ยังไม่มีการแจ้งความบุกรุก ระบุกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ขณะที่รายของบริษัทลาคอลีน จำกัด 1 ใน 4 รายที่ถูกแจ้งความบุกรุกที่อุทยานฯ ก่อนหน้านี้ ได้ทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเกินแนวเขตโฉนดที่ดินบางส่วนแล้ว
เมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา นายชีวภาพ ชีวะธรรม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบที่ดินของบริษัทลาคอลีน จำกัด ตั้งอยู่ในซอยลายัน 1 ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นที่ดิน 1ใน 4 แปลง ที่ทางอุทยานฯ แจ้งข้อกล่าวหาบุกรุกที่ดินของอุทยานแห่งชาติสิรินาถ โดยคณะทำงานตรวจสอบเอกสารสิทธิได้แจ้งความดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชิงทะเล เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อตรวจสอบว่าเจ้าของผู้แจ้งครอบครองมีการรื้อถอนส่วนที่ทำประโยชน์เกินแนวเขตโฉนดที่ดินที่ยื่นแสดงต่อเจ้าหน้าที่ ตามคำสั่งของอุทยานฯ หรือไม่
ซึ่งจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่า ผู้ที่ถูกแจ้งความดำเนินคดีได้ทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในแปลงย่อยที่เกินมาจำนวน 5 ไร่เศษ ซึ่งอยู่ด้านหน้าของโรงแรมที่มีการปลูกสร้างเป็นอาคารที่พักคนงาน พร้อมทั้งมีการไถปรับพื้นที่ให้อยู่ในสภาพเดิม ส่วนอีกหนึ่งแปลงที่อยู่บริเวณด้านหลังโรงแรม ซึ่งเป็นที่ดินที่เกินแนวเขตโฉนดที่ดินจำนวน 4 ไร่เศษ ซึ่งใช้เป็นสถานที่สำหรับเก็บวัสดุก่อสร้างพบว่า ยังไม่มีการเคลื่อนย้าย และรื้อถอนแต่อย่างใด โดยก่อนหน้านี้ ทางอุทยานฯ ได้มีการนำป้ายไปติดไว้บริเวณแปลงด้านหน้าที่มีการรื้อถอนแล้ว ใจความว่า “พื้นที่บริเวณนี้ได้ถูกดำเนินคดีแล้วตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507 และ พ.ร.บ.พุทธศักราช 2484 ตาม ป.วจ.ข้อที่ 1 /2555 คดีที่ 184/2555 เนื้อที่ 5-1-75 ไร่ ผู้ใดบุกรุกมีความผิดตามกฎหมาย”
อย่างไรก็ตาม สำหรับการแจ้งความดำเนินคดีในรายของบริษัทลาคอรีนฯ นั้น ก่อนที่จะมีการแจ้งความคณะทำงานตรวจสอบซึ่งรับผิดชอบโดยสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 จังหวัดแพร่ ได้ตรวจสอบพบว่า บริษัทลาคอรีนฯ ถือครองที่ดิน 3 แปลง แต่ยื่นเอกสารสิทธิเป็นโฉนดที่ดินมาจำนวน 1 แปลง และพบว่ามีการทำประโยชน์ในที่ดินโดยสร้างเป็นอาคารที่พักคนงาน และสถานที่เก็บวัสดุก่อสร้างของโรงแรม เกินแนวเขตโฉนดที่ดินมาจำนวน 2 แปลงย่อย รวมกว่า 9 ไร่เศษ จึงมีการแจ้งความดำเนินคดีดังกล่าว
นายชีวภาพ กล่าวว่า ส่วนที่ดินรายอื่นๆ อีก 8 ราย ที่ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหานั้น ยังอยู่ในกระบวนการตรวจสอบอีกครั้ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบได้แบ่งออกเป็น 5 ทีม ในการทำงาน โดยส่วนหนึ่งลงพื้นที่ตรวจสอบแนวเขตที่ดินเพิ่มในแปลงต่างๆ เพื่อความชัดเจนของหลักเขต ก่อนจะนำไปเปรียบเทียบกับภาพถ่ายทางอากาศ และเจ้าหน้าที่อีกส่วนได้มีการสืบค้นข้อมูลสารระบบเกี่ยวกับที่มาของการออกเอกสารสิทธิที่สำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ตส่วนแยกอำเภอถลาง โดยคาดว่าจะทราบผลการตรวจสอบว่ามีการทำประโยชน์เกินแนวเขตอุทยานฯ หรือไม่ในเร็วๆ นี้
อย่างไรก็ตาม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ ยังกล่าวต่อว่า หากผลการตรวจสอบอีก 8 แปลงที่เหลือพบว่าไม่มีการทำประโยชน์เพิ่ม หรือเกินจากแนวเขตเอกสารสิทธิที่ยื่นแสดง ก็ต้องตรวจสอบต่อว่ามีการออกเอกสารสิทธิในที่ดินดังกล่าวได้อย่างไร
เมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา นายชีวภาพ ชีวะธรรม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบที่ดินของบริษัทลาคอลีน จำกัด ตั้งอยู่ในซอยลายัน 1 ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นที่ดิน 1ใน 4 แปลง ที่ทางอุทยานฯ แจ้งข้อกล่าวหาบุกรุกที่ดินของอุทยานแห่งชาติสิรินาถ โดยคณะทำงานตรวจสอบเอกสารสิทธิได้แจ้งความดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชิงทะเล เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อตรวจสอบว่าเจ้าของผู้แจ้งครอบครองมีการรื้อถอนส่วนที่ทำประโยชน์เกินแนวเขตโฉนดที่ดินที่ยื่นแสดงต่อเจ้าหน้าที่ ตามคำสั่งของอุทยานฯ หรือไม่
ซึ่งจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่า ผู้ที่ถูกแจ้งความดำเนินคดีได้ทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในแปลงย่อยที่เกินมาจำนวน 5 ไร่เศษ ซึ่งอยู่ด้านหน้าของโรงแรมที่มีการปลูกสร้างเป็นอาคารที่พักคนงาน พร้อมทั้งมีการไถปรับพื้นที่ให้อยู่ในสภาพเดิม ส่วนอีกหนึ่งแปลงที่อยู่บริเวณด้านหลังโรงแรม ซึ่งเป็นที่ดินที่เกินแนวเขตโฉนดที่ดินจำนวน 4 ไร่เศษ ซึ่งใช้เป็นสถานที่สำหรับเก็บวัสดุก่อสร้างพบว่า ยังไม่มีการเคลื่อนย้าย และรื้อถอนแต่อย่างใด โดยก่อนหน้านี้ ทางอุทยานฯ ได้มีการนำป้ายไปติดไว้บริเวณแปลงด้านหน้าที่มีการรื้อถอนแล้ว ใจความว่า “พื้นที่บริเวณนี้ได้ถูกดำเนินคดีแล้วตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507 และ พ.ร.บ.พุทธศักราช 2484 ตาม ป.วจ.ข้อที่ 1 /2555 คดีที่ 184/2555 เนื้อที่ 5-1-75 ไร่ ผู้ใดบุกรุกมีความผิดตามกฎหมาย”
อย่างไรก็ตาม สำหรับการแจ้งความดำเนินคดีในรายของบริษัทลาคอรีนฯ นั้น ก่อนที่จะมีการแจ้งความคณะทำงานตรวจสอบซึ่งรับผิดชอบโดยสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 จังหวัดแพร่ ได้ตรวจสอบพบว่า บริษัทลาคอรีนฯ ถือครองที่ดิน 3 แปลง แต่ยื่นเอกสารสิทธิเป็นโฉนดที่ดินมาจำนวน 1 แปลง และพบว่ามีการทำประโยชน์ในที่ดินโดยสร้างเป็นอาคารที่พักคนงาน และสถานที่เก็บวัสดุก่อสร้างของโรงแรม เกินแนวเขตโฉนดที่ดินมาจำนวน 2 แปลงย่อย รวมกว่า 9 ไร่เศษ จึงมีการแจ้งความดำเนินคดีดังกล่าว
นายชีวภาพ กล่าวว่า ส่วนที่ดินรายอื่นๆ อีก 8 ราย ที่ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหานั้น ยังอยู่ในกระบวนการตรวจสอบอีกครั้ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบได้แบ่งออกเป็น 5 ทีม ในการทำงาน โดยส่วนหนึ่งลงพื้นที่ตรวจสอบแนวเขตที่ดินเพิ่มในแปลงต่างๆ เพื่อความชัดเจนของหลักเขต ก่อนจะนำไปเปรียบเทียบกับภาพถ่ายทางอากาศ และเจ้าหน้าที่อีกส่วนได้มีการสืบค้นข้อมูลสารระบบเกี่ยวกับที่มาของการออกเอกสารสิทธิที่สำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ตส่วนแยกอำเภอถลาง โดยคาดว่าจะทราบผลการตรวจสอบว่ามีการทำประโยชน์เกินแนวเขตอุทยานฯ หรือไม่ในเร็วๆ นี้
อย่างไรก็ตาม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ ยังกล่าวต่อว่า หากผลการตรวจสอบอีก 8 แปลงที่เหลือพบว่าไม่มีการทำประโยชน์เพิ่ม หรือเกินจากแนวเขตเอกสารสิทธิที่ยื่นแสดง ก็ต้องตรวจสอบต่อว่ามีการออกเอกสารสิทธิในที่ดินดังกล่าวได้อย่างไร
