สุราษฎร์ธานี - ฝ่ายความมั่นคงภายในจังหวัดสุราษฎร์ธานี สนธิกำลังกว่า 300 นาย ทำลายแหล่งผลิตพืชกระท่อมกว่า 100 ไร่ ในพื้นที่อำเภอท่าฉาง
วันนี้ (5 ก.ย.) พ.อ.สัมฤทธิ์ ศุภรางกูร รองผู้อำนวยการความมั่นคงภายในจังหวัดสุราษฎร์ธานี นำกำลังผสมที่ประกอบด้วย ทหารบกค่ายวิภาวดีรังสิต ทหารอากาศกองบิน 7 ตำรวจทางหลวง ตำรวจภูธร ตำรวจน้ำ ตชด.417 ป.ป.ส.ภาค 8 และกำลัง อส. และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอท่าฉางกว่า 300 นาย พร้อมอุปการณ์เครื่องเลื่อยโซ่ยนต์ มีดพร้า กระจายกำลังกวาดล้างตัดทำลายต้นกระท่อมในพื้นที่ ม.2 ม.4, ม.5 ต.เขาถ่าน อ.ท่าฉาง ซึ่งเป็นแหล่งผลิต และจำหน่ายใบกระท่อมรายใหญ่ของ จ.สุราษฎร์ธานี โดยส่งขายกระจายไปตามจังหวัดต่างๆ ของภาคใต้ โดยเฉพาะจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีทั้งขายปลีกใบละ 1 บาท และขายส่งกิโลกรัมละ 500-600 บาท และเป็นการตัดวงจรการผลิตรายใหญ่ของภาคใต้
โดยในวันนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้ตัดโค่น และเก็บใบกระท่อมเพื่อเป็นหลักฐานในการเอาผิดกับเจ้าของพื้นที่ หากใบกระท่อมมีน้ำหนัก 10 กก.ขึ้นไป มีโทษหนักสุดเพราะถือเป็นฐานผลิตสำคัญ ซึ่งลักษณะของต้นกระท่อมที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ปลูกจะปลูกแซมในสวนผลไม้ ระยะห่างประมาณ 2-3 เมตร ไร่ละประมาณ 30-40 ต้น อายุประมาณ 5-10 ปี หากมองโดยผิวเผินจะไม่เห็นเด่นชัดมากนัก ซึ่งการทำลายไม่มีการละเว้นแม้กระทั่งพื้นที่ของผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
พ.อ.สัมฤทธิ์ ศุภรางกูร ในฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการกวาดล้างครั้งนี้ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เมื่อมีการจับกุมผู้เสพส่วนใหญ่จะให้การซัดทอดว่าแหล่งผลิตกระท่อมรายใหญ่อยู่ในพื้นที่ อ.ท่าฉาง ที่ทำมานานแล้ว และทางการข่าวยังสืบทราบอีกว่า วัยรุ่นในพื้นที่ส่วนใหญ่จะนิยมเสพน้ำกระท่อมสี่คูณร้อยเพิ่มมากขึ้นอย่างน่าเป็นห่วง ทางชุดปฏิบัติการจึงมีความเห็นตรงกันที่ต้องตัดวงจรการผลิต เพื่อเป็นการป้องปรามให้เกรงกลัวไว้ก่อน พร้อมแจ้งข้อหาหนักกับเจ้าของที่ดิน
จากการสำรวจพบว่า เกือบทุกหลังคาเรือนมีการปลูกต้นกระท่อม เมื่อมีการตัดโค่นบ้านหลังไหน ก็จะมีสายข่าวบอกให้เจ้าหน้าที่ไปตัดโค่นหลังอื่นๆ ตามไปด้วย เมื่อไม่มีแหล่งผลิต ผู้เสพก็จะหันไปพื้นที่อื่นแทน จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะตามไปทำลายต่อเนื่องเช่นกัน เชื่อมั่นว่าหากทำในลักษณะเช่นนี้ไปเรื่อยๆ การระบาดของต้นกระท่อมจะลดลงอย่างแน่นอน