xs
xsm
sm
md
lg

คดี “ออด แซ่ผั่ว” เริ่มสาวถึงทีมสังหาร จนท.ผวาคำสั่งย้ายเตรียมยื่นลาออกแล้ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นครศรีธรรมราช - เจ้าหน้าที่เรือนจำกลางนครศรีธรรมราชจู่โจมเข้าค้นในแดนนักโทษอุกฉกรรจ์เช้ามืดวันนี้ ไม่พบสิ่งของต้องห้าม ขณะที่ 25 เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ยังคงเครียดหนักหลังเจอคำสั่งย้ายฟ้าผ่าวานนี้ หลายรายเตรียมยื่นลาออก ด้าน ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช เร่งรัดทุกคดีที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับเรือนจำกลางนครศรีฯ ให้เร็วขึ้น เผยคดี “ออด แซ่ผั่ว” คืบหน้าด้วยประเด็นใหม่ และรอหลักฐานชิ้นสำคัญบางอย่างเพื่อนำไปสู่ทีมสังหาร

วันนี้ (29 ส.ค.) ความคืบหน้าในหลายส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับการฆาตกรรมนายออด แซ่ผั่ว และคดีที่เกี่ยวข้องกับนักโทษในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช รวมทั้งผลพวงทางคดีจากการตรวจค้นเรือนจำนครศรีธรรมราช ยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา นายวัชรวิทย์ วชิรเลอพันธ์ ผอ.ส่วนควบคุมเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จากหลายแดนควบคุมในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ได้เข้าจู่โจมตรวจค้นในห้องควบคุมตัวผู้ต้องขัง ห้องควบคุมชั้น 3 ภายในแดน 6 ซึ่งเป็นแดนความมั่นคงสูง ก่อนที่จะไขกุญแจปล่อยนักโทษออกมายังลานในแดนตามปกติ เพื่อตรวจค้นสิ่งของต้องห้าม

รวมทั้งบริเวณแนวกำแพงซึ่งเป็นจุดที่มีความพยายามลักลอบขว้างสิ่งของต้องห้าม โดยเฉพาะประเภทโทรศัพท์มือถือ และสิ่งเสพติดข้ามเข้ามาบ่อยครั้ง แต่ไม่พบความผิดปกติ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการ รปภ.รอบกำแพงเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน กก.ตชด.42 ตลอด 24 ชั่วโมงทำให้ขบวนการได้ลดความถี่ในการพยายามขว้างสิ่งของข้ามกำแพงมาอย่างเห็นได้ชัด

ส่วนบรรยากาศภายในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ช่วงเช้าของวันนี้ ยังคงมีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติเวรยามตากปกติ เมื่อพบหน้ากันและกันในช่วงเช้าต่างยังพูดคุยถึงเรื่องคำสั่งย้ายเพื่อนรวมงานจำนวน 25 นายไปยังเรือนจำอื่นโดยไกลจากภาคใต้ไปมาก ทั้งภาคเหนือ และภาคอีสาน และหลายคนบ่นว่าไม่สบายใจกับคำสั่งนี้เนื่องจากต้องย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ไกลจากภูมิลำเนามาก รวมทั้งภาระที่มีนอกเหนือจากงานราชการหลายอย่างที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งครอบครัวที่เครียดมากกับคำสั่งย้ายที่มาถึงเมื่อช่วงเย็นของวานนี้

นายวัชรวิทย์ วชิรเลอพันธ์ ผู้อำนวยการส่วนควบคุมเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ระบุว่า เจ้าหน้าที่ทั้ง 25 นายยังคงต้องปฏิบัติหน้าที่ไปตามปกติแม้ว่าในคำสั่งจะสั่งให้มีผลทันที แต่ตามเงื่อนเวลานั้นจะต้องดำเนินการย้ายให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน โดยทางต้นสังกัดเดิมจะต้องทำหนังสือส่งตัวไปยังเรือนจำปลายทางที่ถูกสั่งให้ย้ายไปรับตำแหน่งใหม่

“แต่ในขณะที่ยังไม่เดินทางนั้น ยังคงต้องจัดเข้าเวรปฏิบัติหน้าที่ไปตามปกติ เว้นเสียแต่ว่าบุคคลนั้นจะใช้สิทธิลาราชการเพื่อเตรียมตัวย้าย ซึ่งขณะนี้ทุกคนยังคงมีความเครียดบ้าง และคงต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามคำสั่ง” ผอ.ส่วนควบคุมเรือนจำกลางนครศรีธรรมราชกล่าว

ขณะที่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เรือนจำกลางนครศรีธรรมราชรายหนึ่ง ซึ่งไม่ได้ถูกคำสั่งย้ายครั้งนี้ด้วย เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เพื่อนข้าราชการราชทัณฑ์ที่ถูกย้ายทั้งหมดกำลังตกอยู่ในความเครียด เสมือนตกเป็นจำเลยสังคมว่าถูกย้ายไปเพราะพัวพันกับยาเสพติดในเรือนจำ ขณะที่ผู้ที่ถูกย้ายเองนั้นไม่ทราบเหตุผลที่ชัดเจนของสาเหตุการย้ายครั้งใหญ่ และย้ายไปไกลมาก เช่น แม่ฮ่องสอน ลำปาง ตาก เป็นต้น คนที่ย้ายส่วนใหญ่เป็นคนภูมิลำเนาในภาคใต้จึงรู้สึกเสียกำลังใจอย่างมาก

“คนที่มีธุรกิจส่วนตัวอยู่ด้วย หรือมีงานอื่นทำควบคู่กับงานราชการหลายคนกำลังที่จะตัดสินใจลาออกอย่างแน่นอน เนื่องจากไม่สามารถย้ายไปไกลเช่นนั้นได้เพราะมีภาระผูกพันมาก เช่นเดียวกับคำสั่งก่อนหน้านี้ได้มีการยื่นหนังสือลาออกไปแล้ว บางคนที่อยู่ในคำสั่งวานนี้ได้ทำบันทึกถึง ผบ.เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช เพื่อขออนุญาตในการยุติภารกิจในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช พร้อมทั้งขอหนังสือส่งตัวเพื่อเดินทางไปรายงานตัวยังเรือนจำปลายทางตามขั้นตอน” จนท.เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช รายนี้กล่าว

วันเดียวกัน นายธีธัช เทพทอง เจ้าหน้าที่เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ได้นำเอกสารที่เกี่ยวข้องพร้อมหลักฐานเป็นซิมโทรศัพท์มือถือพร้อมด้วยการ์ดความจำ รวม 3 ชิ้นเข้าแจ้งความร้องทุกข์ในข้อหาครอบครองสิ่งของต้องห้ามในเรือนจำ

พ.ต.ท.โสภณ จำนงนิตย์ รอง ผกก.สส.สภ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ในคดีดังกล่าวนั้น ได้ระบุชื่อนักโทษที่ครอบครองสิ่งของต้องห้ามดังกล่าวเรียบร้อย ในส่วนของซิมโทรศัพท์และการ์ดความจำนั้นจะส่งไปยังชุดสืบสวนทางเทคนิคสืบค้นข้อมูลในเชิงลึกกับเลขหมายต่างๆ ที่ถูกใช้งานผ่านซิมโทรศัพท์นี้ ซึ่งน่าเชื่อว่าจะได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ส่วนนักโทษนั้นจะถูกแจ้งข้อหาครอบครองสิ่งของต้องห้ามในเรือนจำเพื่อนำไปสู่กระบวนการเพิ่มโทษตามขั้นตอน

ขณะที่ พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ได้เดินทางเข้าตรวจสำนวนคดีที่เกี่ยวข้องกับเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช โดยได้เรียกสำนวนค้นพบยาเสพติดจำนวนมากในกล่องนมถั่วเหลืองที่ถูกส่งเข้ามาในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ภายหลังได้เปิดเผยว่า คดีนี้มีความคืบหน้าไปอย่างน่าพอใจ บอกได้ว่าเรารู้กลุ่มผู้ต้องหาแล้ว ส่วนผู้ต้องหาที่มีอยู่ทั้ง 4 รายนั้นมีแนวโน้มว่าการสอบสวนเสร็จแล้วตำรวจจะมีความเห็นแนบท้ายสำนวนสั่งไม่ฟ้อง การสอบสวนในคดีนี้พบความเชื่อมโยงจำนวนมากซึ่งเป็นเครือข่ายที่ใหญ่พอสมควร

“ด้านคดีสังหารนายออด แซ่ผั่ว เจ้าหน้าที่สถานพยาบาลเรือนจำกลางนครศรีธรรมราชนั้นมีความคืบหน้าไปมากเช่นเดียวกัน เรากำลังรอหลักฐานทางเทคนิค ซึ่งยอมรับว่าหนักใจพอสมควรเนื่องจากการสืบสวนนั้นพบประเด็นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องค่อยๆ ดำเนินการ และเชื่อมโยงกับนักโทษในเรือนจำแน่นอน” ผบก.ภ.นครศรีธรรมราชกล่าว

ส่วนความคืบหน้าในการจับกุมนายณัฐพล ระย้า อดีตเจ้าหน้าที่เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช พร้อมภรรยา และพวกรวม 5 คน โดยศาลได้อนุญาตให้ประกันตัวไปแล้วเมื่อค่ำวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา ส่วนนี้ พ.ต.ท.บุญมี ศิริปาละกะ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดี เปิดเผยว่า ทั้ง 5 คนนั้นได้รับการประกันตัวไปแต่ไม่ทราบมูลค่าหลักทรัพย์ แต่อย่างไรก็ตาม ในส่วนของสำนวนนั้นมีการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้วทั้งผู้ต้องหา พยาน และการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เตรียมสรุปที่จะส่งอัยการได้ภายในสัปดาห์นี้ ส่วนผู้ต้องอีกราย คือ นักโทษชายสราวุธ เพชรดี ได้ไปแจ้งข้อกล่าวหาที่เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช เมื่อช่วงเช้าของวันนี้เรียบร้อยแล้ว

“ในการประกันตัวของผู้ต้องหา 5 รายนั้น จะต้องไปปรากฎตัวต่อศาลทุก 12 วันตามที่ทางตำรวจได้ขอฝากขังไป หลังจากที่พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนส่งอัยการ อัยการจะขอฝากขังต่อจากตำรวจ และอัยการจะต้องสั่งฟ้องคดีภายใน 84 วันนับแต่วันจับกุม และถ้าศาลเรียกไปแล้วผู้ต้องหา หรือจำเลยไม่ไปปรากฎตัวศาลจะเรียกนายประกันมาปรับริบประกัน พร้อมทั้งออกหมายจับซ้ำอีกครั้งจะต้องเป็นไปตามขั้นตอนนี้” หัวหน้าพนักงานสอบสวนรายนี้กล่าว

พ.ต.ท.บุญมี ยังกล่าวด้วยว่า ในส่วนของการขอหมายชุดหลังจากเลขาธิการ ป.ป.ส.นั้น กำลังรอการจัดทำเครือข่ายแผนภาพเพิ่มเติม หลังจากนั้นทุกอย่างจะสมบูรณ์ และจะสามารถดำเนินการได้ซึ่งคาดว่าทุกอย่างจะเสร็จภายในสัปดาห์นี้และต้องรอการพิจารณาจากเลขาธิการ ป.ป.ส.ในอีกไม่กี่วันทุกอย่างจะครบสมบูรณ์และเข้าสู่การจับกุม และยึดทรัพย์ได้เป็นระลอกที่ 2

ขณะที่ชุดสืบสวนรายหนึ่งเปิดเผยว่า ในส่วนของการติดตามไล่ล่าผู้ต้องหา 2 รายที่เหลือนั้น ยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทั้ง 2 รายนั้นได้หลบออกไปยังต่างจังหวัดหยุดการติดต่อกับเครือข่ายจึงติดตามได้ลำบากมากขึ้น แต่เจ้าหน้าที่ยังคงไม่ลดละ ส่วนในการรอหมายจับชุดที่ 2 นั้น เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ติดตามที่อยู่หลักแหล่งรวมทั้งความเคลื่อนไหวด้านต่างๆ ของผู้ต้องหาไว้แล้วอย่างน้อย 9 ราย หลังจากที่ออกหมายตามขั้นตอนเรียบร้อยแล้วจะสามารถเข้าจับกุม และเริ่มกระบวนการยึดทรัพย์ได้ทันที
กำลังโหลดความคิดเห็น