นราธิวาส - ประธานหอการค้าจังหวัดนราธิวาสเผยการจัดพื้นที่ “เซฟตี้โซน” ในเขตเศรษฐกิจของ อ.สุไหงโก-ลกอาจกระทบกับการค้า และการท่องเที่ยวในพื้นที่บ้าง แต่ขอโอกาสให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามแผนก่อน
หน่วยงานฝ่ายความมั่นคง อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เริ่มดำเนินการขับเคลื่อนการเพิ่มมาตรการแก้ปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามแผนพิทักษ์โก-ลก 55 ในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก โดยเพิ่มการจัดพื้นที่เซฟตี้โซนทางเข้าตลาดสดหลังโรงแรมเก็นติ้ง ถ.เจริญเขต และย่านเศรษฐกิจบนถนนวงศ์วิถี ถ.สฤษวงศ์ และ ถ.ประชาวิวัฒน์ ด้วยการปรับเส้นทางการเดินรถเข้า-ออกให้มีความเป็นระเบียบ เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบมากขึ้น โดยในพื้นที่ดังกล่าวนอกจากจะมีการติดตั้งสัญลักษณ์บอกถึงการใช้เส้นทางแล้ว ยังมีเจ้าหน้าที่ประจำจุดคอยอำนวยความสะดวกในการแจ้งการเปลี่ยนแปลงเส้นทางการเข้า-ออกเพื่อป้องกันการสับสนให้ด้วย
ด้านนายกู้เกียรติ บูรพาพงศ์ ประธานหอการค้าจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า เนื่องจากในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลกเพิ่งเริ่มดำเนินการจัดพื้นที่เซฟตี้โซนในย่านเศรษฐกิจอย่างเข้มงวดเป็นครั้งแรก ทำให้ทั้งภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่ยังไม่ชินกับการมาตรการดังกล่าวจนมีเสียงคัดค้านการดำเนินการดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม อยากให้เข้าใจการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงที่ได้มีการกำหนดแผนในการรักษาความปลอดภัย อีกทั้งได้ทำประชาคมเพื่อฟังความคิดเห็นจากเสียงประชาชนไปแล้ว ในการนี้ จึงขอโอกาสให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานตามแผนไปก่อน แต่หากพบว่ามีปัญหา หรือมีความขัดข้องประการใด ก็ยังสามารถนำปัญหาที่เกิดขึ้นมาพิจารณาเพื่อหาข้อสรุปในกำหนดมาตรการการรักษาความปลอดภัยในระยะต่อไปได้
ส่วนผลกระทบจากการจัดพื้นที่เซฟตี้โซนนั้น ประธานหอการค้าจังหวัดนราธิวาส ระบุว่า ในด้านการค้ากระทบเพียงเล็กน้อย จากความไม่สะดวกในการเดินทางเข้า-ออกเพื่อซื้อสินค้าในร้านต่างๆ ที่อยู่ในเขตเซฟตี้โซน แตกต่างกับด้านการท่องเที่ยวที่อาจได้รับผลกระทบมากกว่า เนื่องจากเมื่อนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวมาเลเซียเข้ามาในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลกแล้วมีข้อจำกัดในเรื่องการเดินทางเข้า-ออกของถนนสายต่างๆ หรือพื้นที่จอดรถจนไม่ได้รับความสะดวก ก็อาจรู้สึกอัดอัด และไม่อยากเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่
ดังนั้น เมื่อมีเรื่องเกี่ยวกับความมั่นคงเข้ามาเป็นองค์ประกอบหลัก เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงก็จำเป็นต้องเร่งทำความเข้าใจกับนักท่องเที่ยว เพื่อให้ทราบถึงวัตถุประสงค์ในการดำเนินการ เพื่อจะได้ให้ความร่วมมือในมาตรการตามแผนพิทักษ์โก-ลก 55 ซึ่งเชื่อว่า นักท่องเที่ยวรับได้ เนื่องจากเป็นมาตรการสำคัญที่สามารถรักษาความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชาชน และนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น
หน่วยงานฝ่ายความมั่นคง อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เริ่มดำเนินการขับเคลื่อนการเพิ่มมาตรการแก้ปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามแผนพิทักษ์โก-ลก 55 ในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก โดยเพิ่มการจัดพื้นที่เซฟตี้โซนทางเข้าตลาดสดหลังโรงแรมเก็นติ้ง ถ.เจริญเขต และย่านเศรษฐกิจบนถนนวงศ์วิถี ถ.สฤษวงศ์ และ ถ.ประชาวิวัฒน์ ด้วยการปรับเส้นทางการเดินรถเข้า-ออกให้มีความเป็นระเบียบ เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบมากขึ้น โดยในพื้นที่ดังกล่าวนอกจากจะมีการติดตั้งสัญลักษณ์บอกถึงการใช้เส้นทางแล้ว ยังมีเจ้าหน้าที่ประจำจุดคอยอำนวยความสะดวกในการแจ้งการเปลี่ยนแปลงเส้นทางการเข้า-ออกเพื่อป้องกันการสับสนให้ด้วย
ด้านนายกู้เกียรติ บูรพาพงศ์ ประธานหอการค้าจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า เนื่องจากในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลกเพิ่งเริ่มดำเนินการจัดพื้นที่เซฟตี้โซนในย่านเศรษฐกิจอย่างเข้มงวดเป็นครั้งแรก ทำให้ทั้งภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่ยังไม่ชินกับการมาตรการดังกล่าวจนมีเสียงคัดค้านการดำเนินการดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม อยากให้เข้าใจการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงที่ได้มีการกำหนดแผนในการรักษาความปลอดภัย อีกทั้งได้ทำประชาคมเพื่อฟังความคิดเห็นจากเสียงประชาชนไปแล้ว ในการนี้ จึงขอโอกาสให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานตามแผนไปก่อน แต่หากพบว่ามีปัญหา หรือมีความขัดข้องประการใด ก็ยังสามารถนำปัญหาที่เกิดขึ้นมาพิจารณาเพื่อหาข้อสรุปในกำหนดมาตรการการรักษาความปลอดภัยในระยะต่อไปได้
ส่วนผลกระทบจากการจัดพื้นที่เซฟตี้โซนนั้น ประธานหอการค้าจังหวัดนราธิวาส ระบุว่า ในด้านการค้ากระทบเพียงเล็กน้อย จากความไม่สะดวกในการเดินทางเข้า-ออกเพื่อซื้อสินค้าในร้านต่างๆ ที่อยู่ในเขตเซฟตี้โซน แตกต่างกับด้านการท่องเที่ยวที่อาจได้รับผลกระทบมากกว่า เนื่องจากเมื่อนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวมาเลเซียเข้ามาในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลกแล้วมีข้อจำกัดในเรื่องการเดินทางเข้า-ออกของถนนสายต่างๆ หรือพื้นที่จอดรถจนไม่ได้รับความสะดวก ก็อาจรู้สึกอัดอัด และไม่อยากเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่
ดังนั้น เมื่อมีเรื่องเกี่ยวกับความมั่นคงเข้ามาเป็นองค์ประกอบหลัก เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงก็จำเป็นต้องเร่งทำความเข้าใจกับนักท่องเที่ยว เพื่อให้ทราบถึงวัตถุประสงค์ในการดำเนินการ เพื่อจะได้ให้ความร่วมมือในมาตรการตามแผนพิทักษ์โก-ลก 55 ซึ่งเชื่อว่า นักท่องเที่ยวรับได้ เนื่องจากเป็นมาตรการสำคัญที่สามารถรักษาความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชาชน และนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น
