นราธิวาส - พบหนุ่มนิรนามถูกยิงโหด สภาพศพยืนคร่อมที่กั้นไหล่ทาง ตำรวจสันนิษฐานเป็นการฆ่าอำพรางคดี เตรียมตรวจ DNA เปรียบเทียบข้อมูลประวัติคดีความมั่นคง หวั่น RKK ฆ่าตัดตอนสมาชิกที่ตีตัวออกห่าง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 17.30 น. วันนี้ (23 ส.ค.) ร.ต.ท.หญิงณัฐธยาห์ สุพรรณพงศ์ ร้อยเวร สภ.เมือง จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนถูกยิงเสียชีวิตที่บริเวณถนนยูเทิร์น ใต้สะพานข้ามแม่น้ำบางนรา ช่วงบริเวณบ้านแคนา ม.7 ต.บางปอ จึงพร้อมด้วย พ.ต.ท.สมชาย พนมอุปการ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองนราธิวาส ร.ต.ท.นัฐวิทย์ บำเพ็ญศรี รอง หน.กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส ร.ต.ต.แชน วรงคไพสิฐ หน.ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด นปพ.จ.นราธิวาส รวมทั้งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และเจ้าหน้าที่มูลนิธิเมตตาธรรม รุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
พบศพผู้เสียชีวิตยืนคร่อมแผงกั้นไหล่ถนน สภาพศีรษะก้มไปอยู่ที่บริเวณหน้าแข้ง โดยมีเลือดอาบบริเวณศีรษะและลำคอ สวมกางเกงยีนส์ และเสื้อยืดสีดำ อายุประมาณ 28-30 ปี ที่บริเวณศีรษะมีร่องรอยถูกกระสุนปืนไม่ทราบชนิด และขนาดที่บริเวณหน้าผากทะลุท้ายทอย จำนวน 1 นัด และที่บริเวณปลายเท้าเจ้าหน้าที่พบซากเศษชิ้นส่วนของโทรศัพท์มือถือซึ่งมีลักษณะถูกทำลายจนไม่สามารถใช้การได้ และจากการตรวจสอบหลักฐานภายในตัว เจ้าหน้าที่ไม่พบว่าบุคคลดังกล่าวเป็นใครมาจากไหน จึงได้เก็บรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุ และนำศพผู้เสียชีวิตส่งโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์เพื่อให้แพทย์ทำการชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนที่จะติดต่อทางญาติมารับศพไปประกอบพิธีทางศาสนา
โดย พ.ต.ท.สมชาย พนมอุปการ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองนราธิวาส เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เชื่อว่าผู้ตายอาจจะถูกเพื่อนในกลุ่มลวงมาสังหารโหดเพื่ออำพรางคดีในที่เกิดเหตุ โดยคนร้ายได้หยิบหลักฐานต่างๆ ของผู้ตายไปหมด ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องทำการตรวจสอบ DNA นำเลือดของผู้ตาย และลายนิ้วมือไปเปรียบเทียบในทำเนียบคดีความมั่นคงที่เจ้าหน้าที่ได้ทำบันทึกไว้ในที่เกิดเหตุต่างๆ ว่าตรงกับที่เกิดเหตุใดบ้างจึงจะทราบว่าผู้ตายเกี่ยวข้องกับคดีความมั่นคงหรือไม่
และในอีกทางหนึ่งก็เตรียมประสานไปยัง สภ.ต่างๆ ว่ามีผู้ใดมาแจ้งความว่าญาติใครหายไปบ้าง จึงจะสรุปได้ว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นคดีใด ซึ่งผู้เสียชีวิตทุกรายหากไม่ทราบว่าเป็นใครมาจากไหน ก็ต้องทำการตรวจสอบตามขั้นตอน อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่เกรงจะเป็นการฆ่าตัดตอนในกลุ่มของสมาชิกกองกำลังติดอาวุธ RKK ที่ช่วงหลังทราบว่าสมาชิกแนวร่วมในขบวนการมีการตีตัวออกห่างเป็นจำนวนมากหลังจากที่ทางการใช้วิธีการเชิงรุกในการดึงมวลชน