xs
xsm
sm
md
lg

วินาทีชีวิตเฉียดตาย ส.อ.ปรีดา นพคุณ -พลฯอาคม ชูกล่อม 2 ทหารกล้าแห่งสมรภูมิปัตตานี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า ภาพเหตุการณ์ที่ถูกเผยแพร่ผ่านสื่อต่างๆ กรณีกลุ่มคนร้ายจำนวน 16 คน ใช้ปืนสงครามประกบยิงถล่มขณะขี่รถจักรยานยนต์ลาดตระเวนรักษาความปลอดภัยบนถนนสายปาลัส-มายอ อ.มายอ จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2555 ที่ผ่านมา น่าจะสร้างความสะเทือนใจให้แก่คนไทยทั้งแผ่นดินไม่น้อย เนื่องเพราะเป็นการกระทำที่อุกอาจ ผ่านการวางแผนมาเป็นอย่างดี และที่สำคัญ คือ เป็นความโหดเหี้ยมเสมือนหนึ่งมิใช่ผู้ที่เกิดบนผืนแผ่นดินเดียวกัน

ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้รั้วของชาติต้องสังเวยชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุถึง 4 นายด้วยกัน คือ ส.อ.ลือชัย จุลทอง อายุ 26 ปี, พลทหารเบญจรงค์ สีแก้ว อายุ 22 ปี, พลทหารเอกลักษณ์ สีดอกไม้ อายุ 22 ปี และพลทหารภาคิน หงส์มาก อายุ 22 ปี

แต่ก็โชคดี ที่ยังมี 2 ทหารกล้าสังกัดร้อย ร.15321 รอดชีวิตจากการล้อมสังหารดังกล่าวคือ ส.อ.ปรีดา นพคุณ อายุ 30 ปี และพลทหารอาคม ชูกล่อม อายุ 21 ปี โดยขณะนี้ทั้ง 2 คนกำลังพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี

เกิดอะไรขึ้นกับเหตุการณ์ในวันนั้น และอะไรทำให้พวกเขาทั้งสองคนรอดชีวิตได้อย่างเฉียดฉิว

“ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์” ได้สัมภาษณ์พิเศษทหารกล้าทั้ง 2 นาย ถึงวินาทีเฉียดตายที่พวกเขาไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิต รวมถึงความภาคภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่เพื่อปกป้อง และรักษาอธิปไตยของชาติเอาไว้

ส.อ.ปรีดา นพคุณ

การที่เราได้เสียชีวิตเพื่อชาติ มีธงชาติ เป็นการเสียชีวิตที่มีศักดิ์ศรีมากกว่า รอดมาได้ครั้งนี้ก็เหมือนปาฏิหาริย์ ผมก็รู้สึกดีใจ แต่ในขณะเดียวกัน ก็รู้สึกเสียใจที่ไม่สามารถช่วยเหลือ หรือรักษาชีวิตเพื่อนทหารที่ร่วมชะตากรรมได้ ผมรอดมาได้ 2 คน อีก 4 คนต้องเสียชีวิต ซึ่งเราต้องทำงานเป็นทีม ในช่วงที่เกิดเหตุ ผมก็ไม่สามารถจะช่วยเพื่อนได้เลย เหมือนที่โดนอย่างที่เห็นภาพกันทางกล้องวงจรปิด เขาโดนเขาก็ล้มเลย ไม่มีโอกาสต่อสู้ เพราะเขาเข้าประกบยิงใกล้มาก ตอนนี้ผมก็อยากจะหายเร็วๆ เพื่อจะได้กลับไปทำหน้าที่ต่อ

**สถานการณ์ในวันนั้นเป็นอย่างไรบ้าง

ในวันเกิดเหตุ ได้ร่วมกำลัง 3 ฝ่าย คือ ทหาร ตำรวจ และ อส. เพื่อออกลาดตระเวนตรวจตรารักษาความปลอดภัยในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองมายอ เหมือนอย่างเช่นที่เคยปฏิบัติกันอยู่ทุกวัน โดยผมนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่มีพลทหารอาคมเป็นคนขับ แต่ในขณะที่กำลังขับรถกลับฐานปฏิบัติการ ซึ่งอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุเพียง 2 กิโลเมตร ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น

“หลังจากเห็นแล้วว่าโดนรถยนต์ 3 คันเข้าประกบ และยิงเพื่อนทหารที่ขับรถจักรยานยนต์อยู่ข้างหน้า จนรถทั้งสองคันเสียหลักล้มลง และผมก็ถูกยิงเช่นกันโดยยิงมาจากข้างหลัง ในจังหวะที่รถยนต์กำลังจะขับแซง และยิงมาใส่ผมอีกโดนเข้าหน้าอก กระสุนโดนปืนผมทะลุ แต่ผมมีเสื้อเกราะกระสุนเลยแฉลบไปโดนแขนซ้าย เมื่อรถเราล้มลง ผมก็ได้ล็อกคอ พลฯอาคม ที่นั่งซ้อนท้ายผมมาลากเข้าหลบหาที่กำบัง และได้เปิดฉากยิงต่อสู้กับคนร้าย เพราะช่วงจังหวะนั้น ถ้าเราไม่ยิงใส่ฝ่ายตรงข้ามเขาต้องเข้ามาชาร์จแน่ เพราะรถยนต์กระบะที่มาประกบนั้น เขาเตรียมการไว้แล้วว่าต้องประกบคันต่อคัน กะว่าจะไม่ให้มีใครรอดชีวิตอย่างแน่นอน แต่บังเอิญ ผมโดนกระสุนแต่ไม่ตายคาที่ ก็เลยได้มีโอกาสเปิดฉากยิงต่อสู้กับฝ่ายตรงข้าม”

แต่ในการยิงออกไปนั้น ไม่ได้หวังผลว่าจะให้โดนฝ่ายตรงข้ามเพราะมองอะไรไม่เห็นเลย ณ เวลานั้นยิงออกไปเพียงแค่ป้องกันไม่ให้คนร้ายเข้ามายิงพวกเราซ้ำแค่นั้น บวกกับตอนนั้น แขนผมถูกยิงก็เลยใช้ปืนได้แค่มือเดียว เพราะรู้แล้วว่าเพื่อนข้างหน้า 2 คัน น่าจะหมดสิทธิแล้ว เพราะทั้ง 4 คน คาที่หมดเลย เมื่อผมกับน้องอาคม ยิงสวนออกไปทำให้คนร้ายล่าถอยขึ้นรถไป แล้วคนร้ายอีก 2 คนใช้ปืนลูกซองยิงขึ้นฟ้าเพื่อเป็นเป้าให้ผมออกไปหาเขา แล้วอีก 2 คน เตรียมเล็งจะยิงผม หากผมออกไป และตอนนั้น ผมก็รอให้เขาเข้ามาใกล้อีก เพื่อผมจะได้ยิงเขาได้บ้าง เพราะผมใช้ปืนได้มือเดียวถ้ารัศมีไกลเกินไปมันหวังผลได้น้อย

“วินาทีแรกที่ได้ยินเสียงปืนดังปุ๊บ รถก็ขับเข้ามาเบียดรถจักรยานยนต์ผม ผมก็รู้สึกแล้วว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้น เพราะปกติรถจะไม่ขับเข้ามาเบียดใกล้ขนาดนี้ ผมก็เลยได้หันกลับไปดู และผมก็ยังมีสติที่จะล็อกคอน้องอาคมให้รถล้มลง แล้วกลิ้งไปหลบในพงหญ้าข้างทาง ฝ่ายคนร้ายก็ได้กระหน่ำยิงมาที่จุดรถจักรยานยนต์ล้ม เพราะคงคิดว่าผมกับน้องอาคมต้องอยู่ที่รถแน่ๆ พวกผมก็พยายามยิงออกไปเพื่อไม่ให้เขาเข้ามาชาร์จเรา และคนร้ายก็เห็นว่าเรายังสามารถยิงตอบโต้เขาได้ แต่ถ้าเกิดว่าเสียงปืนฝ่ายผมเงียบผมก็คงโดนยิงไปเรียบร้อยแน่ๆ เพราะคนร้ายเตรียมการมาอย่างดี ทุกสถานการณ์ที่ผ่านมา ฝ่ายตรงข้ามเขาต้องแน่ใจว่าต้องประสบความสำเร็จ เพราะถ้าดูแล้วไม่น่าจะประสบความสำเร็จเขาก็จะไม่ทำ พวกเราเองก็ต้องมีสติอยู่เสมอ เตรียมการให้พร้อมกับการต้องเผชิญหน้ากับทุกเหตุการณ์เช่นกัน เพราะผมเองก็เคยเจอมาหลายเหตุการณ์แล้ว เราจึงรู้ว่าเมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้ต้องทำอย่างไร ที่สำคัญ เราต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา”

**อะไรทำให้รอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์

ผมว่าของที่เรามี หรือพระที่แขวน เป็นเพียงเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ อยู่ที่เราจะนับถือหรือไม่ และต้องอยู่ที่ดวงของเราด้วย หากดวงยังไม่ถึงฆาตก็ไม่เป็นไร อีกอย่างหากเสื้อเกราะของผมกันไม่ได้จริง ผมคงร่วงไปตั้งแต่โดนเอ็ม 16 แล้ว ที่โดนไป 4 เม็ดเข้าข้างหลัง เพราะ 2 นัดเข้ารูซ้อนกันเลย เสื้อเกราะยังกันได้อยู่เลยไม่เป็นไร ส่วนข้างเขาตั้งใจจะยิงเข้าด้านข้าง เขายิงเฉียงเข้ามาตอนนั้นผมก็ถือปืนขวางไว้ด้วย กระสุนปืนโดนปืนผมทะลุลำกล้องผ่านเสื้อเกราะแล้วแฉลบไปโดนเข้าที่บริเวณกล้ามเนื้อแขนซ้าย

“วันนั้นถ้าผมไม่พกดวงไปด้วยผมคงแย่ เพราะว่า ปกติผมกับ ส.อ.ลือชัย จุลทอง ที่เสียชีวิตนั้น เราสองคนเป็นบัดดี้กัน เรียนโรงเรียนนายสิบมารุ่นเดียวกัน จบมาพร้อมกัน และมาทำงานที่เดียวกัน ทุกครั้งออกปฏิบัติหน้าที่ก็จะไปรถคันเดียวกันตลอด แต่วันนั้น ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จช้า แล้วมีน้องที่พลทหารมารออยู่แล้ว ส.อ.ลือชัยก็เลยไปกับพลทหาร ซึ่งเป็นรถคันแรก ผมก็เลยไปกับพลทหารอาคม ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมรอดมาได้”

**คงไม่ต้องถามถึงความภาคภูมิใจในหน้าที่ ?

เราเกิดมาแค่ครั้งเดียวรักษาประเทศชาติ หากเหมือนกับว่าเราต้องไปเสียชีวิตด้วยการขับรถให้เกิดอุบัติเหตุ แต่การที่เราได้เสียชีวิตเพื่อชาติ มีธงชาติ เป็นการเสียชีวิตที่มีศักดิ์ศรีมากกว่า รอดมาได้ครั้งนี้ ก็เหมือนปาฏิหาริย์ ผมก็รู้สึกดีใจ แต่ในขณะเดียวกัน ก็รู้สึกเสียใจที่ไม่สามารถช่วยเหลือ หรือรักษาชีวิตเพื่อนทหารที่ร่วมชะตากรรมได้ ผมรอดมาได้ 2 คน อีก 4 คนต้องเสียชีวิต ซึ่งเราต้องทำงานเป็นทีม ในช่วงที่เกิดเหตุ ผมก็ไม่สามารถจะช่วยเพื่อนได้เลย เหมือนที่โดนอย่างที่เห็นภาพกันทางกล้องวงจรปิด เขาโดนเขาก็ล้มเลย ไม่มีโอกาสต่อสู้ เพราะเขาเข้าประกบยิงใกล้มาก ตอนนี้ผมก็อยากจะหายเร็วๆ เพื่อจะได้กลับไปทำหน้าที่ต่อ

**ไม่ทราบว่าเริ่มชีวิตทหารอย่างไร?

ผมพื้นเพเป็นคน ต.สุคิริน อ.สุคิริน จ.นราธิวาส ปัจจุบันยังโสด เรียนจบจากโรงเรียนนายสิบ ก็มาประจำการที่นี่เมื่อปี พ.ศ.2552 ทำงานมาร่วม 5 ปีแล้ว มีความตั้งใจจะเป็นทหารเมื่อเดินมาทางสายนี้แล้ว ก็ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด วันนั้น เมื่อโดนปุ๊บก็ไม่ได้โทร.แจ้งให้พ่อกับแม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง เพราะกลัวว่าแม่จะช็อก แม่ไม่สบายอยู่ น้องชายก็ได้โทร.มาถาม ผมก็บอกไปว่าผมโดนเองแต่อย่าเพิ่งบอกพ่อกับแม่ แต่น้องก็ได้บอกพี่สาว แล้วพี่สาวก็โทร.มาหา ก็บอกไปว่าผมไม่ได้เจ็บหนักโดนที่แขน ก็อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว

พ่อกับแม่ไม่ได้บังคับ ไม่ได้ห้ามว่าการเป็นทหารมันจะอันตราย เพราะตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว ไม่ว่าเราจะเรียนอะไรพ่อแม่ก็สนับสนุน จบแล้วจะทำงานอะไรเขาก็ไม่บังคับ ขอเพียงว่าให้งานที่ทำเป็นงานสุจริตก็พอ และผมก็บอกพ่อกับแม่ว่า เมื่อผมตัดสินใจมาเป็นทหารแล้ว พ่อกับแม่ก็ต้องทำใจเตรียมใจไว้เลย มันเป็นธรรมดาอยู่แล้วหากเราเป็นอะไรไป พ่อแม่ก็ต้องเสียใจ แต่ถ้าถึงคราวเคราะห์ขึ้นมาก็ต้องทำใจ ซึ่งทุกครั้งก่อนที่ผมจะออกไปทำงาน ก็มักจะโทร.หาพ่อกับแม่ก่อนเสมอ หรือบางทีกลับมาจากปฏิบัติหน้าที่ก็โทร.ไปคุยกันเป็นประจำอยู่แล้ว

**อยากฝากอะไรถึงเพื่อนทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่บ้าง?

ก็อยากจะฝากถึงหน่วยทหารที่ลงมาปฏิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อมาดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่ประชาชน และงานต้องทำเป็นทีม เก่งคนเดียวทำไม่ได้ แล้วในเรื่องของความประมาท เราอย่าคิดว่าไม่มีอะไร สิ่งที่เราไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้เสมอ

**การเตรียมตัวและเตรียมใจก่อนออกไปทำงาน

ก่อนออกไปทำงานต้องเช็กอาวุธยุทโธปกรณ์ เสื้อเกราะ หมวกเหล็ก ต้องพร้อมที่จะใช้งาน ส่วนการปฏิบัติ เมื่อเราเดินไปเราต้องสังเกตสองข้างทาง มีอะไรผิดปกติบ้าง หรือมีอะไรเป็นสิ่งบอกเหตุให้เราได้บ้าง หรือการสังเกตเส้นทางที่บางวันมีรถวิ่งผ่านเยอะ แต่วันนี้มันเงียบผิดปกติ ก็ต้องมีอะไรผิดปกติสักอย่างแน่ๆ



พลทหารอาคม ชูกล่อม

ผมมาเป็นทหารเกณฑ์ ซึ่งก็ต้องอยู่ตรงนี้ 2 ปี ผมก็ทำใจไว้แล้วว่ามันต้องมีสักครั้ง ที่ต้องเจอกับตัวเอง ในเมื่อมาทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลรักษาความปลอดภัยมาเป็นทหารก็หวังอยากให้บ้านเมืองสงบสุข ครั้งนี้ที่ผมรอดมาได้ คิดว่า สติ สำคัญที่สุด ต้องใช้สติ พยามยามตั้งสติให้ได้มากที่สุด เวลาถูกปะทะ หรือเจอเหตุการณ์รุนแรง

**เหตุการณ์ในวันนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร?

วันนั้นออกไปรักษาความปลอดภัยร่วมกันระหว่าง ทหาร อส.และตำรวจ ขณะที่กำลังขับรถกลับฐาน ผมก็สังเกตเห็นว่าตอนนั้นรถยนต์ที่ก่อเหตุจอดอยู่ข้างทางบริเวณปากทางชลประทาน ทั้ง 3 คัน พอพวกผมขับผ่านมา พวกคนร้ายก็ขับตามหลังมาจนมาถึงที่เกิดเหตุจากจุดที่จอดอยู่จนถึงที่เกิดเหตุประมาณ 500 เมตร หลังจากนั้น คนร้ายที่อยู่ท้ายรถกระบะก็ได้เปิดฉากยิงพร้อมกันเลยทั้ง 3 คัน แต่พอดีรถคันที่ผมขับ ทิ้งระยะห่างจาก 2 คันข้างหน้า เมื่อมันยิงมาก็เลยถูกคนข้างหลัง ก็คือ ส.อ.ปรีดา เพราะจังหวะนั้น มีรถคันอื่นขับสวนมาด้วยมันก็เลยขับแซงรถผมไม่ได้ เมื่อ 2 คันหน้ายิง มันก็เลยยิงเลยพร้อมๆ กัน คือ จับคู่กันมาเลย จากนั้น หมู่ (ส.อ.ปรีดา) ล็อกคอผมลงข้างทางเลย จากนั้นเราก็ได้ยิงสวนกลับไป แต่ก็มองไม่เห็นอะไรเลย เพราะมีหญ้าบังอยู่ ในตอนนั้นคือ อย่างไรก็ต้องยิงออกไปก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้พวกมันเข้ามาชาร์จ และเราก็มีรถมอเตอร์ไซค์ที่ล้มขวางอยู่ก็พอเป็นกำบังให้ได้ จึงได้มีโอกาสตอบโต้ ปะทะกันอยู่ประมาณ 2 นาที จนคนร้ายล่าถอยขึ้นรถไป จากนั้นหมู่ (ส.อ.ปรีดา) ก็โทรศัพท์บอกผู้กอง และชาวบ้านแถวนั้นก็ช่วยโทร.แจ้งด้วย สักพักผู้กองก็นำกำลังมาช่วย

**ความรู้สึกในเสี้ยววินาทีระหว่างความเป็นกับความตาย?

ความรู้สึกตอนนั้นบอกไม่ถูก ที่หมั่นไส้ก็หมั่นไส้ เพราะไม่สามารถทำอะไรพวกมันได้ ผมมาเป็นทหารเกณฑ์ ซึ่งก็ต้องอยู่ตรงนี้ 2 ปี ผมก็ทำใจไว้แล้วว่ามันต้องมีสักครั้งที่ต้องเจอกับตัวเอง ในเมื่อมาทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลรักษาความปลอดภัย มาเป็นทหาร ก็หวังอยากให้บ้านเมืองสงบสุข ครั้งนี้ที่ผมรอดมาได้ คิดว่า สติ สำคัญที่สุด ต้องใช้สติ พยามยามตั้งสติให้ได้มากที่สุดเวลาถูกปะทะ หรือเจอเหตุการณ์รุนแรง

**การเตรียมตัวทุกครั้งก่อนออกไปทำงาน?

ทุกครั้งที่ต้องออกไปปฏิบัติหน้าที่ต้องเตรียมตัว และเตรียมใจให้พร้อมอยู่เสมอ และเพิ่มความระมัดระวัง อย่างการออก รปภ.ครู เราก็พยายามอย่าอยู่ที่เดิม เปลี่ยนจุด รปภ.เรื่อยๆ เวลาเดินลาดตระเวนก็พยายามระมัดระวังให้มากที่สุด

สำหรับผมเอง ปัจจุบันอายุ 21 ปี พื้นเพเป็นคน ต.ทุ่งคาวัด อ.ละแม จ.ชุมพร เป็นทหารเกณฑ์ ผลัด 1/54 จะปลดประจำการเดือน พ.ค. ปี 56 แต่จริงๆ แล้ว ผมตั้งใจอยากกลับมาเป็นทหารเพื่อทำหน้าที่ปกป้องบ้านเมือง และดูแลประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อีก สุดท้าย ผมอยากฝากถึงเพื่อนทหารทุกคนว่า ขอให้ทุกคนสู้ๆ เพื่อประเทศชาติ เพื่อบ้านเมืองของเรา
เมื่อรักษาตัวหายดีแล้วทหารกล้าทั้ง 2 นาย พร้อมที่ออกปฏิบัติหน้าที่รั้วของชาติ ปกป้อง รักษา และดูแลความปลอดภัยให้กับพี่น้องใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป

กำลังโหลดความคิดเห็น