นครศรีธรรมราช - ประปาเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราชวิกฤตหนัก น้ำดิบผลิตประปาขาดแคลน ส่งผลให้การผลิตน้ำไม่เพียงพอต่อการอุปโภคบริโภค ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัด ประกาศให้ 8 อำเภอ เป็นพื้นที่ภัยพิบัติแล้งวิกฤตหนักในรอบหลายสิบปี ให้ประชาชนประหยัดน้ำ เนื่องจากปริมาณน้ำเหลือใช้แค่ 1 เดือน
วันนี้ (13 ส.ค.) ที่ จ.นครศรีธรรมราช เทศบาลนครนครศรีธรรมราช พยายามเร่งแก้ปัญหาระบบการสูบน้ำดิบเข้าสู่ระบบการผลิตน้ำประปาของเทศบาลนครนครศรีธรรมราช หลังจากที่น้ำดิบในแหล่งน้ำคลองท่าดี ซึ่งมีต้นน้ำจากเทือกเขาหลวง ในอำเภอลานสกา กำลังแห้งขอดลงอย่างต่อเนื่อง น้ำไหลเข้าสู่หอสูบน้ำน้อยมาก จากเดิมปริมาณน้ำจะต้องไหลเข้าสู่การผลิตไม่น้อยกว่า 50,000 ลบ.ม.ต่อวัน ในขณะนี้เหลือเพียง 38,000-40,000 ลบ.ม.เท่านั้น และแนวโน้มลดลงทุกวัน
นายมาโนชย์ เสนพงศ์ ที่ปรึกษานายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราช ระบุว่า ขณะนี้ได้พยายามแก้ปัญหาใน 2 จุดที่จะต้องหาน้ำเข้าสู่การผลิต คือ โรงกรองในเขตเทศบาลได้เร่งขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลแบบฉุกเฉินนำน้ำมาสู่การผลิตให้ได้ และอีกจุดคือ ที่สถานีสูบน้ำคลองท่าดี จะต้องใช้วิธีทำฝาย และเบิกร่องน้ำให้น้ำไหลจากต้นน้ำได้ดีขึ้น เพื่อนำน้ำเข้าสู่การผลิตให้เพียงพอ ขณะนี้ยอมรับว่า การผลิตน้ำกำลังวิกฤต
ขณะที่ นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ประกาศ ให้ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอปากพนัง หัวไทร เฉลิมพระเกียรติ และอำเภอชะอวด เป็นพื้นที่ภัยพิบัติ และได้ประกาศเพิ่มอีก 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง เชียรใหญ่ และอำเภอพระพรหม เป็นพื้นที่ภัยแล้งเพิ่ม รวมทั้งประกาศพื้นที่ภัยพิบัติอัคคีภัย ประเภทไฟป่าในเขตอำเภอเชียรใหญ่ อำเภอชะอวด และอำเภอเฉลิมพระเกียรติ เพิ่มเติม พร้อมกันนั้นได้ขอความร่วมมือให้ประชาชนช่วยกันประหยัดน้ำ และเก็บกักน้ำไว้ใช้ เนื่องจากคาดการณ์ว่า สถานการณ์ภัยแล้งซึ่งรุนแรงที่สุดในรอบนับสิบปีที่ไม่เคยประสบภัยแล้งเช่นนี้มาก่อน และคาดว่าจะยืดเยื้อไปจนถึงต้นเดือนกันยายนนี้ ในขณะที่ปริมาณน้ำในแหล่งน้ำสำคัญ โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำใส เหลือน้ำต้นทุนเพียง 38 % ของปริมาณกักเก็บ หรือใช้ได้แค่เพียง 1 เดือน
ส่วนการทำฝนหลวง ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมเป็นต้นมา ได้ดำเนินการไปแล้ว 80 เที่ยวบิน แต่เนื่องจากไม่มีความชื้นสัมพัทธ์ในชั้นบรรยากาศ จึงทำให้ปฏิบัติการฝนหลวงไม่ประสบความสำเร็จ มีฝนตกลงมาเล็กน้อยเท่านั้น
วันนี้ (13 ส.ค.) ที่ จ.นครศรีธรรมราช เทศบาลนครนครศรีธรรมราช พยายามเร่งแก้ปัญหาระบบการสูบน้ำดิบเข้าสู่ระบบการผลิตน้ำประปาของเทศบาลนครนครศรีธรรมราช หลังจากที่น้ำดิบในแหล่งน้ำคลองท่าดี ซึ่งมีต้นน้ำจากเทือกเขาหลวง ในอำเภอลานสกา กำลังแห้งขอดลงอย่างต่อเนื่อง น้ำไหลเข้าสู่หอสูบน้ำน้อยมาก จากเดิมปริมาณน้ำจะต้องไหลเข้าสู่การผลิตไม่น้อยกว่า 50,000 ลบ.ม.ต่อวัน ในขณะนี้เหลือเพียง 38,000-40,000 ลบ.ม.เท่านั้น และแนวโน้มลดลงทุกวัน
นายมาโนชย์ เสนพงศ์ ที่ปรึกษานายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราช ระบุว่า ขณะนี้ได้พยายามแก้ปัญหาใน 2 จุดที่จะต้องหาน้ำเข้าสู่การผลิต คือ โรงกรองในเขตเทศบาลได้เร่งขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลแบบฉุกเฉินนำน้ำมาสู่การผลิตให้ได้ และอีกจุดคือ ที่สถานีสูบน้ำคลองท่าดี จะต้องใช้วิธีทำฝาย และเบิกร่องน้ำให้น้ำไหลจากต้นน้ำได้ดีขึ้น เพื่อนำน้ำเข้าสู่การผลิตให้เพียงพอ ขณะนี้ยอมรับว่า การผลิตน้ำกำลังวิกฤต
ขณะที่ นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ประกาศ ให้ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอปากพนัง หัวไทร เฉลิมพระเกียรติ และอำเภอชะอวด เป็นพื้นที่ภัยพิบัติ และได้ประกาศเพิ่มอีก 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง เชียรใหญ่ และอำเภอพระพรหม เป็นพื้นที่ภัยแล้งเพิ่ม รวมทั้งประกาศพื้นที่ภัยพิบัติอัคคีภัย ประเภทไฟป่าในเขตอำเภอเชียรใหญ่ อำเภอชะอวด และอำเภอเฉลิมพระเกียรติ เพิ่มเติม พร้อมกันนั้นได้ขอความร่วมมือให้ประชาชนช่วยกันประหยัดน้ำ และเก็บกักน้ำไว้ใช้ เนื่องจากคาดการณ์ว่า สถานการณ์ภัยแล้งซึ่งรุนแรงที่สุดในรอบนับสิบปีที่ไม่เคยประสบภัยแล้งเช่นนี้มาก่อน และคาดว่าจะยืดเยื้อไปจนถึงต้นเดือนกันยายนนี้ ในขณะที่ปริมาณน้ำในแหล่งน้ำสำคัญ โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำใส เหลือน้ำต้นทุนเพียง 38 % ของปริมาณกักเก็บ หรือใช้ได้แค่เพียง 1 เดือน
ส่วนการทำฝนหลวง ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมเป็นต้นมา ได้ดำเนินการไปแล้ว 80 เที่ยวบิน แต่เนื่องจากไม่มีความชื้นสัมพัทธ์ในชั้นบรรยากาศ จึงทำให้ปฏิบัติการฝนหลวงไม่ประสบความสำเร็จ มีฝนตกลงมาเล็กน้อยเท่านั้น
