ศูนย์ข่าวภูเก็ต - นักวิชาการประจำกลุ่มสัตว์ทะเลหายาก จ.ภูเก็ต ห่วงปัญหาคราบน้ำมันในทะเลส่งผลกระทบสิ่งแวดล้อมล่าสุด พบเต่าทะเลติดคราบน้ำมันว่ายน้ำเข้ามาเกยตื้นแล้ว 2 ตัว และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงมาดูแลตรวจสอบจุดที่มีปัญหาคราบน้ำมันก่อนจะสาย
นายก้องเกียรติ กิตติวัฒนาวงศ์ หัวหน้ากลุ่มสัตว์ทะเลหายาก สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน (ภูเก็ต) กล่าวถึงปัญหาการพบคราบน้ำมันในทะเล ซึ่งส่งผลกระทบต่อทรัพยากรทางธรรมชาติ ว่า ขณะนี้ ในพื้นที่ฝั่งทะเลอันดามันมีปัญหาเรื่องของคราบน้ำมันที่ลอยอยู่ในทะเลอย่างเห็นได้ชัดขึ้น ซึ่งก่อนหน้าี้ ประมาณ 1-2 เดือน ทางเจ้าหน้าที่ประจำกลุ่มสัตว์ทะเลหายากได้ช่วยเหลือเต่าหญ้า จำนวน จำนวน 2 ตัว ที่ว่ายน้ำเข้ามาเกยตื้นบริเวณชายหาดของจังหวัดพังงา และชายหาดของจังหวัดภูเก็ต ซึ่งปัญหาเต่าทะเลที่ป่วย หรือได้รับบาดเจ็บเข้ามาเกยตื้นไม่ใช่ปัญหาใหม่ที่เกิดขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ มีเต่าทะเลที่ว่ายน้ำเข้ามาเกยตื้นจำนวนมาก ทั้งจากการเจ็บป่วยภายใน การป่วยเพราะกินเศษถุงพลาสติก และเจ็บป่วยเนื่องจากถูกเศษอวนที่ลอยอยู่ในทะเลบาด
แต่สำหรับเต่าทะเลที่พบล่าสุด พบว่า นอกจากจะมีรอยของเศษอวนบาดจนขาขาด 1 ตัว และมีรอยบาดที่ขาจนเป็นแผลฉกรรจ์อีก 1 ตัว ยังพบว่า เต่าทั้ง 2 ตัวติดคราบน้ำมันสีดำทั้งตัว รวมไปถึงในปาก ซึ่งหลังจากรับเต่าทะเลมา เจ้าหน้าที่ต้องล้างเอาคราบน้ำมันออกจากในปาก และตัวเต่าอย่างเร่งด่วน เพราะเชื่อว่า เต่าทั้ง 2 ตัวน่าจะติดคราบน้ำมันมาระยะหนึ่งแล้ว เนื่องจากสภาพร่างกายที่ผอมเพราะไม่สามารถกินอาหารได้ ซึ่งปัญหาเรื่องของคราบน้ำมันถือเป็นปัญหาที่น่าเป็นห่วงมาก ซึ่งในเบื้องต้น ไม่มีใครทราบว่า คราบน้ำมันเกิดจากจุดไหน เกินจากในทะเลลึก หรือทะเลในบ้านเรา แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วได้ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม และสิ่งมีชีวิตในทะเลเป็นอย่างมาก ซึ่งคราบน้ำมันที่พบในขณะนี้ เชื่อว่าจะขยายในวงกว้าง เพราะจุดที่พบเต่าทะเลทั้ง 2 ตัวนั้น พบใน 2 พื้นที่ คือ ที่จังหวัดพังงา และจังหวัดภูเก็ต
นายก้องเกียรติ กล่าวต่อไปว่า อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยดูแล และตรวจสอบปัญหาดังกล่าวด้วย เพราะถ้าเป็นคราบน้ำมันที่มีในปริมาณมาก ผลเสียที่เกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อมทางทะเลจะมีมากไปด้วย โดยคราบน้ำมันที่ลอยอยู่บริเวณผิวน้ำจะทำให้แสงจากดวงอาทิตย์ส่องลงไปในทะเลไม่ได้ ก็จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงกับน้ำทะเล รวมถึงแพลงก์ตอนต่างๆ ที่สำคัญ คราบน้ำมันจะเข้าไปติดอยู่ตามตัวของสัตว์น้ำ รวมทั้งในปากของสัตว์ และเหงือกของปลา เพราะฉะนั้น จึงอยากขอความร่วมมือไปยังเรือประมงต่างๆ อย่าถ่ายน้ำมันเครื่องทิ้งลงในทะเล เพราะถ้านำน้ำมันทิ้งลงในทะเล จะทำให้ทรัพยากรทางทะเลได้รับความเสียหายได้ และส่งผลไปถึงปริมาณสัตว์น้ำด้วย
นายก้องเกียรติ กิตติวัฒนาวงศ์ หัวหน้ากลุ่มสัตว์ทะเลหายาก สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน (ภูเก็ต) กล่าวถึงปัญหาการพบคราบน้ำมันในทะเล ซึ่งส่งผลกระทบต่อทรัพยากรทางธรรมชาติ ว่า ขณะนี้ ในพื้นที่ฝั่งทะเลอันดามันมีปัญหาเรื่องของคราบน้ำมันที่ลอยอยู่ในทะเลอย่างเห็นได้ชัดขึ้น ซึ่งก่อนหน้าี้ ประมาณ 1-2 เดือน ทางเจ้าหน้าที่ประจำกลุ่มสัตว์ทะเลหายากได้ช่วยเหลือเต่าหญ้า จำนวน จำนวน 2 ตัว ที่ว่ายน้ำเข้ามาเกยตื้นบริเวณชายหาดของจังหวัดพังงา และชายหาดของจังหวัดภูเก็ต ซึ่งปัญหาเต่าทะเลที่ป่วย หรือได้รับบาดเจ็บเข้ามาเกยตื้นไม่ใช่ปัญหาใหม่ที่เกิดขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ มีเต่าทะเลที่ว่ายน้ำเข้ามาเกยตื้นจำนวนมาก ทั้งจากการเจ็บป่วยภายใน การป่วยเพราะกินเศษถุงพลาสติก และเจ็บป่วยเนื่องจากถูกเศษอวนที่ลอยอยู่ในทะเลบาด
แต่สำหรับเต่าทะเลที่พบล่าสุด พบว่า นอกจากจะมีรอยของเศษอวนบาดจนขาขาด 1 ตัว และมีรอยบาดที่ขาจนเป็นแผลฉกรรจ์อีก 1 ตัว ยังพบว่า เต่าทั้ง 2 ตัวติดคราบน้ำมันสีดำทั้งตัว รวมไปถึงในปาก ซึ่งหลังจากรับเต่าทะเลมา เจ้าหน้าที่ต้องล้างเอาคราบน้ำมันออกจากในปาก และตัวเต่าอย่างเร่งด่วน เพราะเชื่อว่า เต่าทั้ง 2 ตัวน่าจะติดคราบน้ำมันมาระยะหนึ่งแล้ว เนื่องจากสภาพร่างกายที่ผอมเพราะไม่สามารถกินอาหารได้ ซึ่งปัญหาเรื่องของคราบน้ำมันถือเป็นปัญหาที่น่าเป็นห่วงมาก ซึ่งในเบื้องต้น ไม่มีใครทราบว่า คราบน้ำมันเกิดจากจุดไหน เกินจากในทะเลลึก หรือทะเลในบ้านเรา แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วได้ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม และสิ่งมีชีวิตในทะเลเป็นอย่างมาก ซึ่งคราบน้ำมันที่พบในขณะนี้ เชื่อว่าจะขยายในวงกว้าง เพราะจุดที่พบเต่าทะเลทั้ง 2 ตัวนั้น พบใน 2 พื้นที่ คือ ที่จังหวัดพังงา และจังหวัดภูเก็ต
นายก้องเกียรติ กล่าวต่อไปว่า อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยดูแล และตรวจสอบปัญหาดังกล่าวด้วย เพราะถ้าเป็นคราบน้ำมันที่มีในปริมาณมาก ผลเสียที่เกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อมทางทะเลจะมีมากไปด้วย โดยคราบน้ำมันที่ลอยอยู่บริเวณผิวน้ำจะทำให้แสงจากดวงอาทิตย์ส่องลงไปในทะเลไม่ได้ ก็จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงกับน้ำทะเล รวมถึงแพลงก์ตอนต่างๆ ที่สำคัญ คราบน้ำมันจะเข้าไปติดอยู่ตามตัวของสัตว์น้ำ รวมทั้งในปากของสัตว์ และเหงือกของปลา เพราะฉะนั้น จึงอยากขอความร่วมมือไปยังเรือประมงต่างๆ อย่าถ่ายน้ำมันเครื่องทิ้งลงในทะเล เพราะถ้านำน้ำมันทิ้งลงในทะเล จะทำให้ทรัพยากรทางทะเลได้รับความเสียหายได้ และส่งผลไปถึงปริมาณสัตว์น้ำด้วย
