สตูล - ชาวประมงพื้นบ้านร้องผู้ว่าฯ ตรวจสอบการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ หลังเจ้าหน้าที่ใช้ปืนยิงชาวบ้านประมงพื้นบ้านที่นำเรืออวนรุนออกจับสัตว์น้ำจนเรือล่ม และชาวบ้านสุญหายไม่ทราบชะตากรรม 1 คน
ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สตูล รายงานว่า เมื่อค่ำวานนี้ (20 ก.ค.) ที่บริเวณหน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล นางสุธิตา ยีละงู อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 377 ม.4 ต.ควนขัน อ.เมือง จ.สตูล ภรรยา และนางชนูรี เล็มเล๊ะ อายุ 26 ปี น้องสาวของนายสุรเดช เล็มเล๊ะ อายุ 37 ปี ผู้สูญหายจากกรณีเจ้าหน้าที่ส่วนราชการลงพื้นที่ปราบปรามเรืออวนรุน และใช้ปืนยิงจนเป็นเหตุให้ชาวบ้านที่ออกหาปลาได้รับบาดเจ็บและสูญหาย พร้อมญาติพี่น้องและชาวบ้านจำนวนหนึ่งที่ไม่พอใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าว ได้เดินทางเข้าร้องเรียนต่อนายพิศาล ทองเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เพื่อขอความเป็นธรรม และนำเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย เนื่องจากทำเกินกว่าเหตุ
นางชนูรี เล็มเล๊ะ อายุ 26 ปี น้องสาวของผู้สูญหาย เล่าว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา พี่ชายของตนคือนายสุรเดช เล็มเล๊ะ และเพื่อนอีก 2 คน นำเรือประมงพื้นที่บ้าน เรืออวนรุนขนาด 4 เครื่องสูบ ออกไปจับสัตว์น้ำในพื้นที่ปากอ่าวตำบลเจ๊ะบิลัง อ.เมือง จ.สตูล และเกิดมีการปะทะกับเจ้าหน้าที่ราชการฝ่ายปราบปรามทางทะเล ซึ่งตนยืนยันได้ว่าฝ่ายของพี่ชายไม่มีอาวุธใดๆ แต่ถูกเจ้าหน้าที่ใช้ปืนยิงจนเรือล่ม โดยเพื่อนของพี่ชายหนีมาได้ แต่พี่ชายของตนหายสาบสูญ ทั้งนี้ ผู้ที่รอดชีวิตมาได้ระบุว่าเจ้าหน้าที่ทำเกินกว่าเหตุและไม่มีความปราณีต่อชาวบ้าน
ตนและญาติๆ จึงเดินทางมาพบผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เพื่อร้องเรียนให้ผู้ว่าฯ ช่วยตรวจสอบว่าเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยไหน และช่วยตามหาร่างของพี่ชายซึ่งอาจจะถูกยิงจมน้ำเสียชีวิต โดยให้ช่วยส่งเจ้าหน้าที่ดำน้ำลงหาศพด้วย เนื่องจากชาวบ้านต่างช่วยกันดำน้ำหากันหลายครั้งแล้วยังไม่เจอร่างของพี่ชาย
ด้าน นายพิศาล ทองเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ได้ออกมาพบนางสุธิตา ยีละงู อายุ 36 ปี ภรรยาของนายสุรเดช เล็มเล๊ะ พร้อมตัวแทนชาวบ้าน เพื่อเจรจา ทั้งนี้ นายพิศาล ทองเลิศ ได้รับคำเสนอจากชาวบ้านออกตามหานายสุรเดช เล็มเล๊ะ โดยสั่งการให้ทางตำรวจเร่งช่วยกันตามหา และมั่นใจว่านายสุรเดช เล็มเล๊ะยังมีชีวิตอยู่ พร้อมสั่งการให้ทางฝ่ายปกครองเร่งตรวจสอบว่าเจ้าหน้าที่ที่ชาวบ้านอ้างว่าทำเกินกว่าเหตุเป็นหน่วยงานไหน เพื่อเร่งสอบสวนเพื่อให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย และขอให้ชาวบ้านแยกย้ายกลับบ้านในเวลาต่อมา