นครศรีธรรมราช - เกษตรกรชาวลุ่มน้ำปากพนัง เตรียมจัดงานวันฟักทองครั้งที่ 2 มั่นใจเป็นผลผลิตที่มีคุณภาพอันดับ 1 ของประเทศ สร้างเจตคติที่ดีกับอาชีพเกษตรกร และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงพลิกฟื้นแผ่นดินลุ่มน้ำปากพนัง จนประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ที่ จ.นครศรีธรรมราช น.ส.วารินทร์ ชิณวงศ์ นายชะลอ สุวรรณสุด นายวันชัย เย็นใส ในฐานะเกษตรกรผู้ปลูกฟักทอง และส้มโอพันธ์ทับทิมสยาม ได้ร่วมกันแถลงถึงการจัดกิจกรรมวันเกษตรลุ่มน้ำปากพนัง ในหัวข้องานวันฟักทองครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เกิดขึ้นจากเกษตรกรทั้งหมด โดยจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 15-16 กรกฎาคม 2555 ที่บริเวณโรงเรียนบ้าบางบูชา ต.เกาะทวด อ.ปากพนัง
น.ส.วารินทร์ ชิณวงศ์ แกนนำผู้จัดงานเปิดเผยว่า กิจกรรมที่ถูกจัดขึ้นมานี้จะเกิดจากเกษตรกรทั้งหมดที่มีกรอบแนวคิดในการพัฒนาระบบเศรษฐกิจครัวเรือนของชาวบ้านลุ่มน้ำปากพนัง ซึ่งในอดีตนั้น ชาวลุ่มน้ำปากพนังมีอาชีพทำนาเพียงอย่างเดียว แต่ผลผลิตไม่ดีเท่าที่ควร เพราะปัจจัยธรรมชาติต่างๆ แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานโครงการพระราชดำริเกิดขึ้นในลุ่มน้ำปากพนัง มีการจัดการเรื่องน้ำอย่างเป็นระบบ ทำให้เกษตรกรชาวลุ่มน้ำปากพนังมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นตามลำดับ จากเดิมรอคอยแค่การทำนาตามฤดูกาลที่ไม่แน่นอน กลับสามารถปลูกพืชผลชนิดอื่นๆ ได้อย่างหลากหลาย พื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์มากขึ้น
ขณะที่ นายชะลอ วรรณสุข เกษตรกรผู้ปลูกฟังทองเปิดเผยว่า ท้องถิ่นภาคใต้จะเรียกผลฟักทองว่า “น้ำเต้า” เดิมมีการจัดงานวันน้ำเต้ามาแล้ว 1 ครั้ง มาครั้งนี้เพื่อให้เป็นที่รู้จักกันมากขึ้นจึงใช้ชื่ออย่างเป็นกลางว่า วันฟักทองนั่นเอง มีการพิสูจน์กันแล้วว่า ฟักทองซึ่งเป็นผลผลิตของชาวลุ่มน้ำปากพนังจะมีคุณภาพเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย มีคุณลักษณะพิเศษที่เนื้อแน่น มีความมันสูง ไม่เหมือนกับฟักทองจากพื้นที่อื่นๆ อันเนื่องมาจากสภาพของดินในพื้นที่ที่เปลี่ยนแปลงไปจากโครงการพระราชดำริ ส่งผลให้จากท้องนาธรรมดาที่มีปัญหาน้ำแล้ง น้ำท่วม ดินเค็ม ดินเปรี้ยว กลับกลายเป็นเรือกสวนที่มีความอุดมสมบูรณ์ ผลผลิตมีคุณภาพสูงที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก เช่น ส้มโอทับทิมสยาม ฟักทอง ปาล์มน้ำมัน และพืชผลอีกนานาชนิดๆ วันนี้ ความเป็นอยู่ที่เปลี่ยนแปลงไปของชาวลุ่มน้ำปากพนังดีขึ้นได้ตามลำดับ เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
“ในส่วนผลผลิตของฟักทองนั้น วันนี้กลายเป็นว่าหลายรายสร้างผลผลิตมีรายได้ดีกว่าการทำนากุ้งด้วยซ้ำ ฟักทองมีราคาสูงเฉลี่ยกิโลกรัมละ 10-12 บาท ตกตันละ 10,000-12,000 บาท มีผลผลิตประมาณ 4-5 ตันต่อไร่ มีคุณภาพในระดับดีเยี่ยม โดยการจัดกิจกรรมร่วมกันของเกษตรกรเพื่อร่วมกันสร้างความเข้มแข็งของเกษตรกรเพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคง พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในด้านต่างๆ ร่วมกันของเกษตรกรชาวลุ่มน้ำปากพนัง” นายชะลอกล่าว
