ยะลา - เด๊ะยังวัย 4 ขวบที่นอนพิการเพราะไวรัสเข้าสมอง ได้รับความสนใจจากผู้ใจบุญโทรศัพท์มาสอบถามอาการ ทั้งคนไทยและต่างประเทศ ซึ่งในวันนี้ สสจ.ยะลาได้เดินทางมาเยี่ยมอาการอย่างใกล้ชิด
จากกรณีที่สื่อมวลชนได้มีการนำเสนอ ชีวิตครอบครัวของ ด.ช.มูฮัมหมัดซูเฟียน สาเม๊าะ อายุ 4 ขวบ หรือ “เด๊ะยัง” ซึ่งต้องกลายเป็นผู้พิการ หลังจากที่ไม่สบาย มีอาการป่วยคลายเป็นไข้ และเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลยะลา จนสุดท้ายพบว่า ไวรัสเข้าสมอง ทำร่างกายอ่อนแรง แขนขาขยับไม่ได้ นอนป่วยนานกว่า 2 ปี 6 เดือน และทางบ้านมีฐานะลำบาก ขาดแคลนทุนทรัพย์ในการเลี้ยงดู ซึ่งได้มีการร้องขอความช่วยเหลือผ่านสื่อมวลชนไปยังผู้ใจบุญผู้มีจิตศรัทธาที่อยากให้ความช่วยเหลือครอบครัวของ ด.ช.มูฮัมหมัดซูเฟียน สาเม๊าะ อายุ 4 ขวบ หรือ “เด๊ะยัง”
วันนี้ (6 ก.ค.) นายแพทย์สวัสดิ์ อภิวัจนีวงศ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยะลา ได้นำกระเช้าเข้าเยี่ยมครอบครัว และอาการป่วยของ ด.ช.มูฮัมหมัดซูเฟียน สาเม๊าะ อายุ 4 ขวบ หรือ “เด๊ะยัง” ที่บ้านเลขที่ 107/4 ม.3 ต.ลิดล อ.เมือง จ.ยะลา โดยมีครอบครัวทั้ง แม่ ตา และยาย ที่เฝ้าดูอาการของ ด.ช.มูฮัมหมัดซูเฟียน สาเม๊าะ ให้การต้อนรับ และซาบซึ้งในความมีน้ำใจ
นายแพทย์สวัสดิ์ อภิวัจนีวงศ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยะลา เปิดเผยว่า มาตรฐานคุณภาพการให้บริการของสถานพยาบาลที่จังหวัดยะลา ขณะนี้ตั้งแต่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่พยาบาลวิชาชีพ ไปอบรมพยาบาลเวชปฏิบัติให้ครบทุกแห่ง ซึ่งได้มีการอบรมไปแล้วครึ่งหนึ่ง และเหลืออีกครึ่งหนึ่งจะอบรมให้หมดภายในสิ้นปีนี้ เพื่อเป็นการเพิ่มคุณภาพการให้บริการพยาบาลที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล แต่ในส่วนของสถานพยาบาล โรงพยาบาลชุมชน ในกรณีที่ผู้ป่วยมานอกเวลาราชการ พยาบาลที่อยู่นอกเวลาราชการ ก็ต้องผ่านการอบรมเวชปฎิบัติพยาบาลเช่นกัน หากมีปัญหาในการวินิจฉัยก็จำเป็นจะต้องให้แพทย์เวรเป็นผู้ดูแล
นายแพทย์สวัสดิ์ อภิวัจนีวงศ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยะลา กล่าวอีกว่า จนถึงวันนี้ การให้บริการด้านการพยาบาลแก่ประชาชนที่เข้ารับบริการจากสถานพยาบาล โรงพยาบาล ถือว่า มีความมั่นใจมากขึ้น และขอให้ประชาชนมั่นใจกับการให้บริการของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และวางใจกับการบริการได้อย่างแน่นอน
ด้านนางคอลีเย๊าะ อาลี อายุ 30 ปี มารดาของ ด.ช.มูฮัมหมัดซูเฟียน สาเม๊าะ เปิดเผยว่า หลังจากที่มีข่าวนำเสนอออกไป ก็มีคนโทร.เข้ามาหาจากจังหวัดต่างๆ มากมาย จากทุกๆ ภาคของประเทศ นอกจากนั้น ยังมีชาวต่างประเทศโทร.เข้ามาพูดภาษาอังกฤษ ซึ่งไม่สามารถสื่อสารกันได้ ก็จึงต้องให้มีคนแปลให้ โดยเขาถามว่า อาการของน้องเป็นอย่างไร ก็ตอบไปว่า ร่าเริงดี แต่หายใจเองไม่ได้ จะต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และยังได้ถามอีกว่า ในขณะนี้ ต้องการอะไรบ้าง ตนเองก็ตอบว่า เรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ต้องการ รวมทั้งรถนอนของน้อง รวมทั้งเครื่องปั่นไฟที่ต้องการเป็นอย่างมาก เนื่องจากว่าไฟฟ้ามักจะตก หรือดับ ทำให้เครื่องช่วยหายใจของน้องไม่สามารถใช้ได้ ถ้าไม่ตก ไฟดับก็จะต้องใช้แอมบู หรือเครื่องช่วยหายใจแบบใช้มือปั๊มแทนจนกว่ากระแสไฟฟ้าจะกลับมาปกติ
“คนส่วนใหญ่ที่โทร.เข้ามานั้น ก็จะถามถึงอาการของน้องว่าเป็นอย่างไร ต้องทานยาอะไรบ้างหรือเปล่า ตนเองก็ตอบว่า ในขณะนี้ ไม่ต้องทานยาอะไร เนื่องจากน้องไม่ได้มีไข้ เพียงแต่อาการตอนนี้ จะต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอด 24 ชม. ก็อยากจะขอความช่วยเหลือ ขอผู้ใจบุญช่วยบริจาครถนอน และเครื่องสำรองไฟฟ้าให้ด้วย” ผู้เป็นแม่กล่าว