ระนอง - ทหารพม่า 3 กองร้อย พร้อมอาวุธครบมือ เข้าควบคุม 80 คนไทยที่ลักลอบข้ามแดนไปซื้อที่ และถางป่าปลูกยางพารา ส่วนอีกหลายร้อยคนยังคงหลบหนีแอบซ่อนทหารพม่าอยู่ตามในป่า และบนภูเขา รอโอกาสหนีกลับเข้าฝั่งไทย เบื้องต้น สามารถหนีกลับเข้าฝั่งไทยได้แล้ว 3 คน
เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2555 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีเหตุการณ์ทหารพม่าพร้อมอาวุธครบมือจำนวนมาก เข้าควบคุมตัวคนไทยจำนวน 80 กว่าคน ที่เข้าไปลักลอบตัดไม้ และทำการปลูกยางพาราในพื้นที่เขตประเทศพม่า และยังมีคนไทยอีกหลายร้อยคน ยังคงหลบซ่อนอยู่ในพื้นที่ ทั้งในป่า และบนเขาในเขตพม่า ยังไม่สามารถหลบหนีข้ามมายังฝั่งไทยได้ ซึ่งพื้นที่เกิดเหตุอยู่ในพื้นที่เขตพม่าที่ชาวบ้านเรียกว่า บ้านอินทนินขวาง จ.เกาะสอง ประเทศพม่า อยู่ตรงข้ามกับพื้นที่บ้านในกรัง ม.9 ตำบล จ.ป.ร. (อ่านตรงตัว) อ.กระบุรี จ.ระนอง จึงเดินทางไปตรวจสอบ
ร.ท.สุชาติ นิลประดิษฐ์ หน.ชุดประสานงานด้านกิจการพลเรือน ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาค 4 ที่ 1 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหาร ผู้ใหญ่บ้าน และบุคคลที่เกี่ยวข้องกำลังปรึกษาหารือถึงเรื่องราวขึ้น เบื้องต้นทราบว่า เหตุทหารพม่าจำนวนประมาณ 3 กองร้อย พร้อมอาวุธครบมือ ได้เดินทางเข้าพื้นที่ดังกล่าว ที่มีทั้งชาวบ้านในพื้นที่ นอกพื้นที่ รวมไปถึงนายทุนชาวไทยจากหลายจังหวัดจากพื้นที่ภาคใต้ ได้ลักลอบนำเครื่องจักรกลหนัก ไม่ว่าจะเป็นรถแบ็กโฮ รถแทร็กเตอร์ และรถยนต์โฟร์วีล ขนอุปกรณ์ต่างๆ เข้าไปลักลอบตัดไม้แผ้วถางป่าเพื่อปลูกยางพารา เพราะมีความเข้าใจกันว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นของประเทศไทย
โดยเหตุเกิดประมาณ 18.30 น. ของวันที่ 4 ก.ค.55 และในเวลาประมาณเที่ยงคืน ได้มีคนไทยจำนวน 3 คน ประกอบด้วย นายดำ เหล็กแป้น อยู่บ้านเลขที่ 39 ม.5 บ.หาดจิก ต.ปากจั่น อ.กระบุรี นายธวัชชัย พรหมแก้ว อยู่บ้านเลขที่ 250 ม.6 ต.โคกหาด อ.เขาพนม จ.กระบี่ และนายเอกชัย ไกรศร อยู่บ้านเลขที่ 51 ม.6 ต.โคกหาด หลบหนีออกมาได้ เจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวทั้งหมดกลับบ้านแล้ว ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว ได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการติดต่อระหว่างกัน เพื่อหาทางช่วยเหลือประชาชนที่ถูกจับ และที่ยังคงหลบหนี
นายเรืองฤทธิ แปลเมือง ผู้ใหญ่บ้าน ม.9 กล่าวว่า เป็นเรื่องจริงที่มีประชาชนถูกจับ จากการหาข้อมูลทราบว่า ในพื้นที่ดังกล่าว มีประชาชนทั้งในพื้นที่จังหวัดระนอง และนอกพื้นที่จังหวัดระนอง เดินทางเข้าออกตลอดเวลา เพื่อเข้าไปซื้อที่ดิน หรือเข้าไปแผ้วถางป่าเพื่อปลูกยางพารา ทราบว่า มีประชาชน และในพื้นที่ดังกล่าวรวมประมาณ 300 กว่าครัวเรือน มีประชากรกว่า 800 คน หากเป็นประชาชนในพื้นที่จริงๆ จะทราบว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นของประเทศพม่า และประชาชนในพื้นที่จะไม่เข้าไปอย่างเด็ดขาด ทางเราได้มีการบอกกันตลอดถึงพื้นที่ดังกล่าวว่าไม่ใช่ของไทย เท่าที่ทราบ มีการเข้าไปบุกรุกถางป่าเพื่อปลูกยางพาราแล้วประมาณ 4,000 กว่าไร่ และยังคงมีนายทุนจากนอกพื้นที่นำแรงงานจากนอกพื้นที่เข้ามาแผ้วถางอย่างต่อเนื่อง
ด้านนายจรินทร์ อุดมผลชัยเจริญ ปลัด หน.ฝ่ายความมั่นคง อ.กระบุรี กล่าวว่า ขณะนี้ ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องกำลังหาข้อมูลที่ชัดเจนว่า มีประชาชนถูกจับไปจำนวนเท่าไหร่ และยังหลบหนีอยู่เท่าไหร่กันแน่ เพราะถือเป็นเรื่องยาก เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นคนนอกพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทุกหน่วยกำเร่งมือประสานงานกันอย่างเต็มที่เพื่อจะช่วยเหลือให้ประชาชนเดินทางกลับมาอย่างปลอดภัยเป็นอันดับแรก และยังคงเฝ้ารอประชาชนที่คาดว่าอาจจะหลบหนีออกมาได้อีก เพื่อจะสอบถามถึงสถานการณ์ปัจจุบัน
เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2555 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีเหตุการณ์ทหารพม่าพร้อมอาวุธครบมือจำนวนมาก เข้าควบคุมตัวคนไทยจำนวน 80 กว่าคน ที่เข้าไปลักลอบตัดไม้ และทำการปลูกยางพาราในพื้นที่เขตประเทศพม่า และยังมีคนไทยอีกหลายร้อยคน ยังคงหลบซ่อนอยู่ในพื้นที่ ทั้งในป่า และบนเขาในเขตพม่า ยังไม่สามารถหลบหนีข้ามมายังฝั่งไทยได้ ซึ่งพื้นที่เกิดเหตุอยู่ในพื้นที่เขตพม่าที่ชาวบ้านเรียกว่า บ้านอินทนินขวาง จ.เกาะสอง ประเทศพม่า อยู่ตรงข้ามกับพื้นที่บ้านในกรัง ม.9 ตำบล จ.ป.ร. (อ่านตรงตัว) อ.กระบุรี จ.ระนอง จึงเดินทางไปตรวจสอบ
ร.ท.สุชาติ นิลประดิษฐ์ หน.ชุดประสานงานด้านกิจการพลเรือน ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาค 4 ที่ 1 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหาร ผู้ใหญ่บ้าน และบุคคลที่เกี่ยวข้องกำลังปรึกษาหารือถึงเรื่องราวขึ้น เบื้องต้นทราบว่า เหตุทหารพม่าจำนวนประมาณ 3 กองร้อย พร้อมอาวุธครบมือ ได้เดินทางเข้าพื้นที่ดังกล่าว ที่มีทั้งชาวบ้านในพื้นที่ นอกพื้นที่ รวมไปถึงนายทุนชาวไทยจากหลายจังหวัดจากพื้นที่ภาคใต้ ได้ลักลอบนำเครื่องจักรกลหนัก ไม่ว่าจะเป็นรถแบ็กโฮ รถแทร็กเตอร์ และรถยนต์โฟร์วีล ขนอุปกรณ์ต่างๆ เข้าไปลักลอบตัดไม้แผ้วถางป่าเพื่อปลูกยางพารา เพราะมีความเข้าใจกันว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นของประเทศไทย
โดยเหตุเกิดประมาณ 18.30 น. ของวันที่ 4 ก.ค.55 และในเวลาประมาณเที่ยงคืน ได้มีคนไทยจำนวน 3 คน ประกอบด้วย นายดำ เหล็กแป้น อยู่บ้านเลขที่ 39 ม.5 บ.หาดจิก ต.ปากจั่น อ.กระบุรี นายธวัชชัย พรหมแก้ว อยู่บ้านเลขที่ 250 ม.6 ต.โคกหาด อ.เขาพนม จ.กระบี่ และนายเอกชัย ไกรศร อยู่บ้านเลขที่ 51 ม.6 ต.โคกหาด หลบหนีออกมาได้ เจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวทั้งหมดกลับบ้านแล้ว ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว ได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการติดต่อระหว่างกัน เพื่อหาทางช่วยเหลือประชาชนที่ถูกจับ และที่ยังคงหลบหนี
นายเรืองฤทธิ แปลเมือง ผู้ใหญ่บ้าน ม.9 กล่าวว่า เป็นเรื่องจริงที่มีประชาชนถูกจับ จากการหาข้อมูลทราบว่า ในพื้นที่ดังกล่าว มีประชาชนทั้งในพื้นที่จังหวัดระนอง และนอกพื้นที่จังหวัดระนอง เดินทางเข้าออกตลอดเวลา เพื่อเข้าไปซื้อที่ดิน หรือเข้าไปแผ้วถางป่าเพื่อปลูกยางพารา ทราบว่า มีประชาชน และในพื้นที่ดังกล่าวรวมประมาณ 300 กว่าครัวเรือน มีประชากรกว่า 800 คน หากเป็นประชาชนในพื้นที่จริงๆ จะทราบว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นของประเทศพม่า และประชาชนในพื้นที่จะไม่เข้าไปอย่างเด็ดขาด ทางเราได้มีการบอกกันตลอดถึงพื้นที่ดังกล่าวว่าไม่ใช่ของไทย เท่าที่ทราบ มีการเข้าไปบุกรุกถางป่าเพื่อปลูกยางพาราแล้วประมาณ 4,000 กว่าไร่ และยังคงมีนายทุนจากนอกพื้นที่นำแรงงานจากนอกพื้นที่เข้ามาแผ้วถางอย่างต่อเนื่อง
ด้านนายจรินทร์ อุดมผลชัยเจริญ ปลัด หน.ฝ่ายความมั่นคง อ.กระบุรี กล่าวว่า ขณะนี้ ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องกำลังหาข้อมูลที่ชัดเจนว่า มีประชาชนถูกจับไปจำนวนเท่าไหร่ และยังหลบหนีอยู่เท่าไหร่กันแน่ เพราะถือเป็นเรื่องยาก เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นคนนอกพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทุกหน่วยกำเร่งมือประสานงานกันอย่างเต็มที่เพื่อจะช่วยเหลือให้ประชาชนเดินทางกลับมาอย่างปลอดภัยเป็นอันดับแรก และยังคงเฝ้ารอประชาชนที่คาดว่าอาจจะหลบหนีออกมาได้อีก เพื่อจะสอบถามถึงสถานการณ์ปัจจุบัน
