ตรัง - ด.ต.เมืองตรังโหด ตามง้ออดีตเมียเก่าถึงบ้านแต่ไม่สำเร็จ คว้า 9 มม.จ่อยิงอดีตพ่อตา และอดีตเมียดับสยองคาบ้าน ก่อนระเบิดขมับยิงตัวตายหนีความผิด
เมื่อเวลา 00.20 น. วันนี้ (5 ก.ค.) ร.ต.ท.จิตติชัย รัตนวรประดิษฐ์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองตรัง รับแจ้งมีเหตุยิงกัน และมีผู้เสียชีวิต ที่บ้านเลขที่ 110/3 หมู่ที่ 1 ต.นาโต๊ะหมิง อ.เมืองตรัง หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ธรรมนูญ ไตรทิพย์พงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.ตรัง ชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน แพทย์โรงพยาบาลตรัง และเจ้าหน้าที่กู้ภัย
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียว มีบริเวณและรั้วบ้าน พบร่างของผู้เสียชีวิตนอนหงายจมกองเลือดอยู่ที่หน้าบ้าน ทราบชื่อคือ นายเอิบ แก้วกลาง อายุ 72 ปี เจ้าของบ้าน มีบาดแผลถูกจ่อยิงด้วยอาวุธปืนบาเร็ตต้า ขนาด 9 มม. เข้าที่บริเวณคิ้วซ้าย จำนวน 1 นัด และที่ชายโครงซ้ายทะลุขวา จำนวน 1 นัด นอกจากนั้น ยังพบปลอกกระสุนปืน จำนวน 9 ปลอก หัวกระสุนปืน 2 หัว และกระสุนปืนที่ยังไม่ได้ยิงอีก 3 นัด ตกกระจัดกระจายเกลื่อนทั้งหน้าบ้าน และลานหน้าบ้าน เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดเป็นหลักฐาน
ภายในบ้านยังพบกองเลือดจำนวนมาก และยังมีผู้บาดเจ็บอีก 2 คน ได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลตรังแล้ว และ 1 ในนั้นได้เสียชีวิตในเวลาต่อมาคือ นางอำภา ปัญจนา อายุ 40 ปี ส่วนนายวิมล แก้วกลาง อายุ 37 ปี น้องชาย บาดเจ็บสาหัส
จากการสอบสวน นางสุดา เบลเลเซน อายุ 43 ปี ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนพร้อมด้วยสามีชาวนอรเวย์ นางอำภา และญาติพี่น้อง รวม 14 คน ได้เดินทางไปเยี่ยมมารดาซึ่งมีอาการป่วยมาหลายวันแล้ว โดยเมื่อมีโอกาสได้พบปะกันก็ได้ทำอาหารรับประทานกัน ส่วนแฟนหนุ่ม น้องเขย และหลานชาย ได้นั่งดื่มสุรากันที่โต๊ะม้านั่งหินอ่อนหน้าบ้าน ระหว่างนั้น ได้มี ด.ต.ประพิศ แก่นเมือง อายุ 52 ปี ผบ.หมู่งาน ป. สภ.บ้านหนองตรุด อดีตสามีเก่าของนางอำภา น้องสาว ซึ่งไม่มีลูกด้วยกัน และได้เลิกรากันมา 1 ปีแล้ว ได้ขับรถยนต์มาจอดหน้าบ้าน จากนั้นก็เดินตรงเข้าไปในครัวเพื่อไปหานางอำภาซึ่งกำลังนั่งรับประทานอาหารกับญาติๆ แต่ทันทีที่พบหน้าภรรยาเก่า ด.ต.ประพิศ ก็พูดขึ้นด้วยความไม่พอใจในทำนองว่า นัดออกไปรับประทานข้าวแล้วไม่ยอมไปตามนัด ต่อมาไม่นาน ทั้งคู่มีปากเสียงกัน ทุกคนจึงบอกให้น้องสาวออกไปตกลงปัญหากันข้างนอก
อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่ไม่สามารถเคลียร์กันได้ นายเอิบ อดีตพ่อตา เห็นว่าเรื่องบานปลาย จึงได้สั่งให้ ด.ต.ประพิศ ออกจากบ้านไปก่อน แต่ ด.ต.ประพิศ ไม่ยอมออกไป พร้อมกับได้ผลักนายเอิบจนเซถลา ทันใดนั้นไม่มีใครคาดคิด ด.ต.ประพิศ ก็ได้ชักปืนออกมาจ่อยิงอดีตพ่อตา จนล้มฟุบขาดใจตายต่อหน้าต่อตาลูกๆ และญาติพี่น้องที่มาห้ามปรามท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน และยังไม่ทันที่ทุกคนจะหายตกใจ ด.ต.ประพิศ ก็ได้ใช้อาวุธปืนกระบอกดังกล่าวกราดยิงใส่ทุกคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง จนเป็นเหตุให้กระสุนไปถูกนางอำภา อดีตภรรยา เสียชีวิตในที่สุด จากนั้น ด.ต.ประพิศ ก็ได้วิ่งไปขึ้นรถยนต์ขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่า ด.ต.ประพิศ ได้ใช้อาวุธปืนยิงตัวตายภายในห้องบ้านพักตำรวจ เลขที่ 155/14 หมู่ที่ 5 ต.หนองตรุด อ.เมืองตรัง จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบบนเตียงนอนมีกองเลือดปนมันสมองจำนวนมาก ส่วนที่บนพื้นพบอาวุธปืนบาเร็ตต้า ขนาด 9 มม. ซึ่งเป็นอาวุธปืนส่วนตัวตกหล่นอยู่ จากการตรวจสอบพบกระสุนปืนในรังเพลิงอีก 4 นัด ส่วนหัวเตียงพบแมกกาซีนเปล่า 1 อัน และบนโต๊ะทำงานยังพบขวดสุราที่ถูกดื่มไปแล้วครึ่งขวด ส่วนที่หน้าบ้านพบรถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์ ตอนครึ่ง ทะเบียน บธ 7908 ตรัง ของ ด.ต.ประพิศ จอดอยู่
เบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า ปมสังหารโหดครั้งนี้มาจากความขัดแย้งเรื่องชู้สาว ที่เกิดมาจาก ด.ต.ประพิศ พยายามงอนง้อขอคืนดีกับอดีตภรรยาเก่าหลายครั้งแล้ว แต่อีกฝ่ายไม่ยอมคืนดีด้วย เพราะหลังจากเลิกรากันฝ่ายหญิงก็ได้มีครอบครัวใหม่แล้ว แต่ก็ยังตามตื๊อไม่เลิก โดยก่อนก่อเหตุ ด.ต.ประพิศ ได้นั่งดื่มสุราย้อมใจก่อนจะตัดสินใจขับรถยนต์ออกจากบ้านไปหาอดีตภรรยาเพื่อตามง้อขอคืนดีอีกครั้ง และเมื่ออีกฝ่ายไม่สนใจไยดีจึงเกิดความแค้น และใช้อาวุธปืนจ่อยิงอดีตพ่อตา และอดีตภรรยาจนเสียชีวิตอย่างเหี้ยมโหด ก่อนจะตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิงตัวตายเพื่อหนีความผิดดังกล่าว
เมื่อเวลา 00.20 น. วันนี้ (5 ก.ค.) ร.ต.ท.จิตติชัย รัตนวรประดิษฐ์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองตรัง รับแจ้งมีเหตุยิงกัน และมีผู้เสียชีวิต ที่บ้านเลขที่ 110/3 หมู่ที่ 1 ต.นาโต๊ะหมิง อ.เมืองตรัง หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ธรรมนูญ ไตรทิพย์พงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.ตรัง ชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน แพทย์โรงพยาบาลตรัง และเจ้าหน้าที่กู้ภัย
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียว มีบริเวณและรั้วบ้าน พบร่างของผู้เสียชีวิตนอนหงายจมกองเลือดอยู่ที่หน้าบ้าน ทราบชื่อคือ นายเอิบ แก้วกลาง อายุ 72 ปี เจ้าของบ้าน มีบาดแผลถูกจ่อยิงด้วยอาวุธปืนบาเร็ตต้า ขนาด 9 มม. เข้าที่บริเวณคิ้วซ้าย จำนวน 1 นัด และที่ชายโครงซ้ายทะลุขวา จำนวน 1 นัด นอกจากนั้น ยังพบปลอกกระสุนปืน จำนวน 9 ปลอก หัวกระสุนปืน 2 หัว และกระสุนปืนที่ยังไม่ได้ยิงอีก 3 นัด ตกกระจัดกระจายเกลื่อนทั้งหน้าบ้าน และลานหน้าบ้าน เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดเป็นหลักฐาน
ภายในบ้านยังพบกองเลือดจำนวนมาก และยังมีผู้บาดเจ็บอีก 2 คน ได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลตรังแล้ว และ 1 ในนั้นได้เสียชีวิตในเวลาต่อมาคือ นางอำภา ปัญจนา อายุ 40 ปี ส่วนนายวิมล แก้วกลาง อายุ 37 ปี น้องชาย บาดเจ็บสาหัส
จากการสอบสวน นางสุดา เบลเลเซน อายุ 43 ปี ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนพร้อมด้วยสามีชาวนอรเวย์ นางอำภา และญาติพี่น้อง รวม 14 คน ได้เดินทางไปเยี่ยมมารดาซึ่งมีอาการป่วยมาหลายวันแล้ว โดยเมื่อมีโอกาสได้พบปะกันก็ได้ทำอาหารรับประทานกัน ส่วนแฟนหนุ่ม น้องเขย และหลานชาย ได้นั่งดื่มสุรากันที่โต๊ะม้านั่งหินอ่อนหน้าบ้าน ระหว่างนั้น ได้มี ด.ต.ประพิศ แก่นเมือง อายุ 52 ปี ผบ.หมู่งาน ป. สภ.บ้านหนองตรุด อดีตสามีเก่าของนางอำภา น้องสาว ซึ่งไม่มีลูกด้วยกัน และได้เลิกรากันมา 1 ปีแล้ว ได้ขับรถยนต์มาจอดหน้าบ้าน จากนั้นก็เดินตรงเข้าไปในครัวเพื่อไปหานางอำภาซึ่งกำลังนั่งรับประทานอาหารกับญาติๆ แต่ทันทีที่พบหน้าภรรยาเก่า ด.ต.ประพิศ ก็พูดขึ้นด้วยความไม่พอใจในทำนองว่า นัดออกไปรับประทานข้าวแล้วไม่ยอมไปตามนัด ต่อมาไม่นาน ทั้งคู่มีปากเสียงกัน ทุกคนจึงบอกให้น้องสาวออกไปตกลงปัญหากันข้างนอก
อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่ไม่สามารถเคลียร์กันได้ นายเอิบ อดีตพ่อตา เห็นว่าเรื่องบานปลาย จึงได้สั่งให้ ด.ต.ประพิศ ออกจากบ้านไปก่อน แต่ ด.ต.ประพิศ ไม่ยอมออกไป พร้อมกับได้ผลักนายเอิบจนเซถลา ทันใดนั้นไม่มีใครคาดคิด ด.ต.ประพิศ ก็ได้ชักปืนออกมาจ่อยิงอดีตพ่อตา จนล้มฟุบขาดใจตายต่อหน้าต่อตาลูกๆ และญาติพี่น้องที่มาห้ามปรามท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน และยังไม่ทันที่ทุกคนจะหายตกใจ ด.ต.ประพิศ ก็ได้ใช้อาวุธปืนกระบอกดังกล่าวกราดยิงใส่ทุกคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง จนเป็นเหตุให้กระสุนไปถูกนางอำภา อดีตภรรยา เสียชีวิตในที่สุด จากนั้น ด.ต.ประพิศ ก็ได้วิ่งไปขึ้นรถยนต์ขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่า ด.ต.ประพิศ ได้ใช้อาวุธปืนยิงตัวตายภายในห้องบ้านพักตำรวจ เลขที่ 155/14 หมู่ที่ 5 ต.หนองตรุด อ.เมืองตรัง จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบบนเตียงนอนมีกองเลือดปนมันสมองจำนวนมาก ส่วนที่บนพื้นพบอาวุธปืนบาเร็ตต้า ขนาด 9 มม. ซึ่งเป็นอาวุธปืนส่วนตัวตกหล่นอยู่ จากการตรวจสอบพบกระสุนปืนในรังเพลิงอีก 4 นัด ส่วนหัวเตียงพบแมกกาซีนเปล่า 1 อัน และบนโต๊ะทำงานยังพบขวดสุราที่ถูกดื่มไปแล้วครึ่งขวด ส่วนที่หน้าบ้านพบรถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์ ตอนครึ่ง ทะเบียน บธ 7908 ตรัง ของ ด.ต.ประพิศ จอดอยู่
เบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า ปมสังหารโหดครั้งนี้มาจากความขัดแย้งเรื่องชู้สาว ที่เกิดมาจาก ด.ต.ประพิศ พยายามงอนง้อขอคืนดีกับอดีตภรรยาเก่าหลายครั้งแล้ว แต่อีกฝ่ายไม่ยอมคืนดีด้วย เพราะหลังจากเลิกรากันฝ่ายหญิงก็ได้มีครอบครัวใหม่แล้ว แต่ก็ยังตามตื๊อไม่เลิก โดยก่อนก่อเหตุ ด.ต.ประพิศ ได้นั่งดื่มสุราย้อมใจก่อนจะตัดสินใจขับรถยนต์ออกจากบ้านไปหาอดีตภรรยาเพื่อตามง้อขอคืนดีอีกครั้ง และเมื่ออีกฝ่ายไม่สนใจไยดีจึงเกิดความแค้น และใช้อาวุธปืนจ่อยิงอดีตพ่อตา และอดีตภรรยาจนเสียชีวิตอย่างเหี้ยมโหด ก่อนจะตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิงตัวตายเพื่อหนีความผิดดังกล่าว