นครศรีธรรมราช - เจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าพันธุ์สัตว์ป่าบ้านบ่อล้อ เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่ลักลอบเผาป่าพรุควนเคร็ง และพื้นที่บุกรุกใหม่ เผยแนวเผามาจากท้ายที่ดิน ส.ป.ก.แล้วเผาเหนือลมให้ไฟลุกลามเข้าพื้นที่ป่ากว่าครึ่งกิโลเมตร
วันนี้ (28 มิ.ย.) นายธีระวุฒิ นุ่นสังข์ หัวหน้าเขตห้ามล่าพันธุ์สัตว์ป่าบ้านบ่อล้อ พร้อมด้วยเจ้าหน้าจากหน่วยรักษาป่าที่ นศ.14 ชะอวด นำบันทึกการตรวจยึดพื้นที่ป่าพรุในเขตป่าดอนทราย ที่ถูกบุกรุกแล้วจุดไฟเผาในเขต ต.ทางพูน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ในความดูแลรวม 3 แปลง เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ท.อภิสิทธิ์ สุวรรณรัตน์ พนักงานสอบสวน สภ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อให้ติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี
นายธีระวุฒิ นุ่นสังข์ หัวหน้าเขตห้ามล่าพันธุ์สัตว์ป่าบ้านบ่อล้อ เปิดเผยว่า โดยแปลงแรกนั้นเป็นแปลงป่าพรุมีเนื้อที่ความเสียหายประมาณ 47 ไร่เศษ มีลักษณะเป็นป่าเสม็ดถูกคนร้ายเข้าไปตัดไม้เสม็ด หลังจากนั้น ได้ลอบเผา โดยมีวิธีการเริ่มจากแนวป่าหลังเขต ส.ป.ก.ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณครึ่งกิโลเมตร ซึ่งเป็นแนวเหนือลมก่อนจุดไฟเผาให้ลมพัดลุกลามเข้ามาในแปลงบุกรุกจนเสียหายทั้งหมด ซึ่งขณะนี้รู้ตัวกลุ่มคนร้ายแล้ว
แปลงที่ 2 เป็นพื้นที่บุกรุกใหม่ซึ่งมีการปราบพื้นที่เรียบร้อยแล้ว และเข้าไปปลูกปาล์มอายุประมาณ 2-3 เดือน จำนวน 330 ต้น ในแปลงนี้ จะมีการใช้มาตรา 25 เข้าทำลายปาล์มในอีกไม่กี่วันข้างหน้าได้ทันที และในแปลงที่ 3 พบการบุกรุกในบริเวณใกล้กัน จำนวน 18 ไร่ สภาพไม้เสม็ดขาวถูกโค่นทำลายจำนวนมาก แต่ยังไม่มีการเผา โดยในแปลงนี้จะต้องส่งเจ้าหน้าที่เข้าเฝ้าระวัง เนื่องจากเกรงว่าผู้บุกรุกถือครองจะเข้าไปลอบเผาซ้ำ
วันนี้ (28 มิ.ย.) นายธีระวุฒิ นุ่นสังข์ หัวหน้าเขตห้ามล่าพันธุ์สัตว์ป่าบ้านบ่อล้อ พร้อมด้วยเจ้าหน้าจากหน่วยรักษาป่าที่ นศ.14 ชะอวด นำบันทึกการตรวจยึดพื้นที่ป่าพรุในเขตป่าดอนทราย ที่ถูกบุกรุกแล้วจุดไฟเผาในเขต ต.ทางพูน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ในความดูแลรวม 3 แปลง เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ท.อภิสิทธิ์ สุวรรณรัตน์ พนักงานสอบสวน สภ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อให้ติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี
นายธีระวุฒิ นุ่นสังข์ หัวหน้าเขตห้ามล่าพันธุ์สัตว์ป่าบ้านบ่อล้อ เปิดเผยว่า โดยแปลงแรกนั้นเป็นแปลงป่าพรุมีเนื้อที่ความเสียหายประมาณ 47 ไร่เศษ มีลักษณะเป็นป่าเสม็ดถูกคนร้ายเข้าไปตัดไม้เสม็ด หลังจากนั้น ได้ลอบเผา โดยมีวิธีการเริ่มจากแนวป่าหลังเขต ส.ป.ก.ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณครึ่งกิโลเมตร ซึ่งเป็นแนวเหนือลมก่อนจุดไฟเผาให้ลมพัดลุกลามเข้ามาในแปลงบุกรุกจนเสียหายทั้งหมด ซึ่งขณะนี้รู้ตัวกลุ่มคนร้ายแล้ว
แปลงที่ 2 เป็นพื้นที่บุกรุกใหม่ซึ่งมีการปราบพื้นที่เรียบร้อยแล้ว และเข้าไปปลูกปาล์มอายุประมาณ 2-3 เดือน จำนวน 330 ต้น ในแปลงนี้ จะมีการใช้มาตรา 25 เข้าทำลายปาล์มในอีกไม่กี่วันข้างหน้าได้ทันที และในแปลงที่ 3 พบการบุกรุกในบริเวณใกล้กัน จำนวน 18 ไร่ สภาพไม้เสม็ดขาวถูกโค่นทำลายจำนวนมาก แต่ยังไม่มีการเผา โดยในแปลงนี้จะต้องส่งเจ้าหน้าที่เข้าเฝ้าระวัง เนื่องจากเกรงว่าผู้บุกรุกถือครองจะเข้าไปลอบเผาซ้ำ