ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ตำรวจนำ 2 ผู้ต้องหาฝากขังที่ศาลจังหวัดภูเก็ต ขอควบคุมตัวอีก 48 ชั่วโมง เพื่อสอบสวนขยายผลเพิ่มเติม ผู้การภูเก็ตย้ำ ต้องทำสำนวนรวบรวมพยานส่งฟ้องศาลภายใน 15 วัน หวังสร้างความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยว ขณะที่การแก้ปัญหารถแท็กซี่ป้ายดำ และเจ็ตสกี จะเร่งดำเนินการโดยเริ่มจากปัญหาแท็กซี่มิเตอร์เป็นอันดับแรก
เมื่อเวลาประมาณ 11.30 น. วันนี้ (27 มิ.ย.) ที่ศาลจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรฉลอง นำตัว นายสุรศักดิ์ สุวรรณโชต และ นายสุรินทร์ ทัศทอง 2 ผู้ต้องหาคดี “ร่วมกันพยายามชิงทรัพย์ของผู้อื่นในเวลากลางคืน โดยมีอาวุธ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือเพื่อการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ และเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย” ฝากขังที่ศาลจังหวัดภูเก็ต โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ นปภ.จังหวัดภูเก็ต คุมตัวเข้ม
พล.ต.ต.ชนสิษฏ์ วัฒนวรางกูร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า วันนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาที่ก่อเหตุฆ่านักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียไปที่ศาลจังหวัดภูเก็ตเพื่อขอฝากขังอีก 48 ชั่วโมง เพื่อนำตัวมาสอบสวนเพิ่มเติม เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีที่ละเอียดอ่อนการทำคดีจะต้องมีความรอบคอบ และเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย หลังจากนั้น จะมีการนำไปฝากขังต่อซึ่งในส่วนของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นจะคัดค้านการประกันตัว
ขณะที่ในส่วนของพยาน และหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บรวบรวมได้นั้น มีทั้งพยานบุคคล และวัตถุพยาน ซึ่งเรื่องนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้สั่งการให้ตำรวจพื้นที่เร่งทำสำนวนและรวบรวมพยานหลักฐานให้เสร็จภายใน 15 วัน เพื่อให้สามารถส่งฟ้องได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งการสั่งฟ้อง และดำเนินคดีอย่างรวดเร็วนั้น จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวเช่นกัน โดยทางตำรวจจะประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง
พล.ต.ต.ชนสิษฏ์ ยังได้กล่าวต่อไปถึงการแก้ไขปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต ทั้งปัญหาแท็กซี่มิเตอร์ และปัญหาเจ็ตสกี ว่า เรื่องของการท่องเที่ยวเชื่อว่าทุกคนอยากได้รายได้จากการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน เพราะฉะนั้น การที่จะได้รายได้อย่างยั่งยืนเราจะต้องมาร่วมกันแก้ปัญหาการเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว ซึ่งปัญหาเหล่านี้ทางรองนายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ได้สั่งการให้ทางตำรวจเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหา และจะต้องรายงานผลการดำเนินการทุก 30 วัน
สำหรับปัญหาเร่งด่วนที่จะดำเนินการเป็นปัญหาแรก คือ ปัญหาเรื่องของรถแท็กซี่ป้ายดำ ซึ่งปัญหาดังกล่าวถือว่าเป็นปัญหาใหญ่สำหรับจังหวัดภูเก็ต ในการแก้ไขปัญหาก็จะเรียกผู้ประกอบการมาร่วมหารือกันก่อน เพื่อหาทางออกในการแก้ไขปัญหา หลังจากนั้น ก็จะมีการดำเนินการตามมาตรการทางกฎหมายต่อไป
เมื่อเวลาประมาณ 11.30 น. วันนี้ (27 มิ.ย.) ที่ศาลจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรฉลอง นำตัว นายสุรศักดิ์ สุวรรณโชต และ นายสุรินทร์ ทัศทอง 2 ผู้ต้องหาคดี “ร่วมกันพยายามชิงทรัพย์ของผู้อื่นในเวลากลางคืน โดยมีอาวุธ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือเพื่อการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ และเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย” ฝากขังที่ศาลจังหวัดภูเก็ต โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ นปภ.จังหวัดภูเก็ต คุมตัวเข้ม
พล.ต.ต.ชนสิษฏ์ วัฒนวรางกูร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า วันนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาที่ก่อเหตุฆ่านักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียไปที่ศาลจังหวัดภูเก็ตเพื่อขอฝากขังอีก 48 ชั่วโมง เพื่อนำตัวมาสอบสวนเพิ่มเติม เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีที่ละเอียดอ่อนการทำคดีจะต้องมีความรอบคอบ และเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย หลังจากนั้น จะมีการนำไปฝากขังต่อซึ่งในส่วนของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นจะคัดค้านการประกันตัว
ขณะที่ในส่วนของพยาน และหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บรวบรวมได้นั้น มีทั้งพยานบุคคล และวัตถุพยาน ซึ่งเรื่องนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้สั่งการให้ตำรวจพื้นที่เร่งทำสำนวนและรวบรวมพยานหลักฐานให้เสร็จภายใน 15 วัน เพื่อให้สามารถส่งฟ้องได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งการสั่งฟ้อง และดำเนินคดีอย่างรวดเร็วนั้น จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวเช่นกัน โดยทางตำรวจจะประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง
พล.ต.ต.ชนสิษฏ์ ยังได้กล่าวต่อไปถึงการแก้ไขปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต ทั้งปัญหาแท็กซี่มิเตอร์ และปัญหาเจ็ตสกี ว่า เรื่องของการท่องเที่ยวเชื่อว่าทุกคนอยากได้รายได้จากการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน เพราะฉะนั้น การที่จะได้รายได้อย่างยั่งยืนเราจะต้องมาร่วมกันแก้ปัญหาการเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว ซึ่งปัญหาเหล่านี้ทางรองนายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ได้สั่งการให้ทางตำรวจเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหา และจะต้องรายงานผลการดำเนินการทุก 30 วัน
สำหรับปัญหาเร่งด่วนที่จะดำเนินการเป็นปัญหาแรก คือ ปัญหาเรื่องของรถแท็กซี่ป้ายดำ ซึ่งปัญหาดังกล่าวถือว่าเป็นปัญหาใหญ่สำหรับจังหวัดภูเก็ต ในการแก้ไขปัญหาก็จะเรียกผู้ประกอบการมาร่วมหารือกันก่อน เพื่อหาทางออกในการแก้ไขปัญหา หลังจากนั้น ก็จะมีการดำเนินการตามมาตรการทางกฎหมายต่อไป
