ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ที่ปรึกษา (สบ 10) ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ลงประชุมติดตามความคืบหน้าคดี 2 คนร้ายชิงทรัพย์ฆ่าตัวแทนบริษัทนำเที่ยวออสซี่ดับ ระบุคดี คืบหน้า 70% มั่นใจจับตัวคนร้ายได้แน่นอน
เมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่ห้องประชุมชั้น 3 กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พล.ต.อ.ฉัตรชัย โปตระนันท์ ที่ปรึกษา (สบ 10) ด้านป้องกันปราบปราม ประชุมร่วมกับพล.ต.ท.สันติ เพ็ญสูตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 8 พล.ต.ต.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต นายตำรวจในจังหวัดภูเก็ต ตั้งแต่ระดับรองผู้บังคับการจังหวัดภูเก็ต ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรในพื้นที่ ผู้กำกับการสถานีตำรวจ ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 8 ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรเมือง และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม เพื่อติดตามความคืบหน้า และเร่งรัดคดี 2 คนร้ายก่อเหตุชิงทรัพย์และทำร้ายนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียเสียชีวิต 1 ราย และได้รับบาดเจ็บ 1 ราย เหตุเกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา ที่บริเวณถนนกะตะน้อย ต.กะร่อน อ.เมืองภูเก็ต
พล.ต.อ.ฉัตรชัย กล่าวภายหลังการประชุมว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรัฐบาล โดยเฉพาะรองนายกรัฐมนตรี และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ให้ความสำคัญและสนใจกับคดีนี้มาก และได้สั่งการให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงเข้ามาดูแล และติดตามคดีนี้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่อย่างใกล้ชิด ว่ามีการดำเนินไปถึงไหนอย่างไร ซึ่งจากที่ได้รับฟังรายงานการปฏิบัติงานคิดว่าในส่วนของตำรวจท้องที่ได้พยายามทำอย่างเต็มที่ แต่ด้วยระยะเวลาที่ค่อนข้างสั้นจึงอาจจะมีบางส่วนที่ยังไม่ครบถ้วน แต่ผลการทำงานก็ถือว่ามีความพอใจในระดับหนึ่ง ซึ่งตน และผู้บัญชาการฯ ภาค 8 ได้เน้นย้ำ พร้อมเสนอแนะแนวทางเพิ่มเติมไปในหลายประเด็นที่จะดำเนินการต่อไป ทั้งในส่วนของฝ่ายสืบสวน และฝ่ายสอบสวน
อย่างไรก็ตาม จากที่ได้รับฟังรายงานของทางตำรวจภูเก็ต เชื่อว่า จะสามารถจับกุมคนร้ายได้อย่างแน่นอน และในรูปของคดีก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะเท่าที่สังเกตกลุ่มคนร้ายน่าจะเป็นคนในพื้นที่ และไม่น่าจะเป็นแก๊ง แต่จะมีการขับรถวนเวียนไปมาเมื่อสบโอกาสก็จะลงมือก่อเหตุ และในวันนี้ (23 มิ.ย.) พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร. พร้อมคณะจะลงมาติดตามความคืบหน้าของคดีดังกล่าวด้วย
ขณะที่ พล.ต.ต.สันติ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากที่ได้ดูภาพจากกล้องวงจรปิด คิดว่าคนร้ายน่าจะเป็นวัยรุ่น หรือผู้ที่มีอายุไม่เกิน 25 ปี ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างเร่งสืบค้นว่ากลุ่มคนเหล่านี้มีใครบ้างที่มีลักษณะตามรูปพรรณที่เห็นในกล้องวงจรปิด เพราะคนร้ายมีลักษณะรูปร่างค่อนข้างสูง ถือเป็นลักษณะเด่น ซึ่งในการติดตามหาตัวคนร้ายนั้น จะต้องใช้องค์ประกอบหลายๆ อย่างในการติดตาม ดังนั้น จะต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ในการทำงานสักระยะ เพราะเชื่อว่าคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุจะเป็นผู้ที่ตระเวนไปมาในละแวกนั้น และเมื่อสบโอกาสเหมาะก็จะลงมือก่อเหตุ ส่วนมีดที่ใช้น่าจะมีติดตัวอยู่แล้ว และจะใช้เมื่อกระชากกระเป๋าแล้วมีการยื้อยึดก็จะตัดให้ขาด แต่เมื่อเจ้าทรัพย์ต่อสู้จึงใช้มีดจ้วงแทงจนบาดเจ็บ และเสียชีวิต
พล.ต.ท.สันติ กล่าวต่อไปว่า จากพยานหลักฐานที่มีอยู่ขณะนี้ มีความมั่นใจกว่า 70% ในการติดตามตัวคนร้ายมาลงโทษ ส่วนที่เหลือก็ต้องอาศัยส่วนประกอบอื่นๆ รวมไปถึงเรื่องของโชคด้วย ซึ่งก็ต้องพยายามอย่างเต็มที่”
สำหรับมาตรการในการป้องกันอาชญากรรมในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทย แต่มีอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมีไม่เพียงพอรองรับประชากรที่มีจำนวนมาก พล.ต.ต.สันติ กล่าวว่า เรื่องนี้ได้มีการกำชับเรื่องของมาตรการในการดูแลคามปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวไปแล้ว ซึ่งจริงๆ แล้วเรื่องการดูแลความปลอดภัยนั้นได้ให้ความสำคัญมาโดยตลอด และนายกรัฐมนตรีเองก็ให้ความสำคัญในเรื่องนี้มาก ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีในการที่จะบูรณาการหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการสนับสนุนงบประมาณในการจัดซื้อกล้องซีซีทีวีติดตั้งตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เป็นกล้องที่มีความเหมาะสม และมีคุณภาพที่สามารถนำมาประกอบในการค้นหาติดตามจับกุมคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุได้ และล่าสุด รองนายกรัฐมนตรี นายเฉลิม อยู่บำรุง ได้มีการเรียกประชุมและเน้นย้ำในเรื่องดังกล่าว ซึ่งหากเราทำกันอย่างจริงจัง และต่อเนื่องก็จะส่งผลดีเป็นอย่างมาก ซึ่งคาดว่าน่าจะเริ่มนำร่องที่ภูเก็ตก่อน เพราะเป็นแหล่งทำรายได้เข้าประเทศไทยในลำดับต้นๆ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยว
เมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่ห้องประชุมชั้น 3 กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พล.ต.อ.ฉัตรชัย โปตระนันท์ ที่ปรึกษา (สบ 10) ด้านป้องกันปราบปราม ประชุมร่วมกับพล.ต.ท.สันติ เพ็ญสูตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 8 พล.ต.ต.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต นายตำรวจในจังหวัดภูเก็ต ตั้งแต่ระดับรองผู้บังคับการจังหวัดภูเก็ต ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรในพื้นที่ ผู้กำกับการสถานีตำรวจ ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 8 ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรเมือง และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม เพื่อติดตามความคืบหน้า และเร่งรัดคดี 2 คนร้ายก่อเหตุชิงทรัพย์และทำร้ายนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียเสียชีวิต 1 ราย และได้รับบาดเจ็บ 1 ราย เหตุเกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา ที่บริเวณถนนกะตะน้อย ต.กะร่อน อ.เมืองภูเก็ต
พล.ต.อ.ฉัตรชัย กล่าวภายหลังการประชุมว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรัฐบาล โดยเฉพาะรองนายกรัฐมนตรี และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ให้ความสำคัญและสนใจกับคดีนี้มาก และได้สั่งการให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงเข้ามาดูแล และติดตามคดีนี้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่อย่างใกล้ชิด ว่ามีการดำเนินไปถึงไหนอย่างไร ซึ่งจากที่ได้รับฟังรายงานการปฏิบัติงานคิดว่าในส่วนของตำรวจท้องที่ได้พยายามทำอย่างเต็มที่ แต่ด้วยระยะเวลาที่ค่อนข้างสั้นจึงอาจจะมีบางส่วนที่ยังไม่ครบถ้วน แต่ผลการทำงานก็ถือว่ามีความพอใจในระดับหนึ่ง ซึ่งตน และผู้บัญชาการฯ ภาค 8 ได้เน้นย้ำ พร้อมเสนอแนะแนวทางเพิ่มเติมไปในหลายประเด็นที่จะดำเนินการต่อไป ทั้งในส่วนของฝ่ายสืบสวน และฝ่ายสอบสวน
อย่างไรก็ตาม จากที่ได้รับฟังรายงานของทางตำรวจภูเก็ต เชื่อว่า จะสามารถจับกุมคนร้ายได้อย่างแน่นอน และในรูปของคดีก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะเท่าที่สังเกตกลุ่มคนร้ายน่าจะเป็นคนในพื้นที่ และไม่น่าจะเป็นแก๊ง แต่จะมีการขับรถวนเวียนไปมาเมื่อสบโอกาสก็จะลงมือก่อเหตุ และในวันนี้ (23 มิ.ย.) พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร. พร้อมคณะจะลงมาติดตามความคืบหน้าของคดีดังกล่าวด้วย
ขณะที่ พล.ต.ต.สันติ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากที่ได้ดูภาพจากกล้องวงจรปิด คิดว่าคนร้ายน่าจะเป็นวัยรุ่น หรือผู้ที่มีอายุไม่เกิน 25 ปี ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างเร่งสืบค้นว่ากลุ่มคนเหล่านี้มีใครบ้างที่มีลักษณะตามรูปพรรณที่เห็นในกล้องวงจรปิด เพราะคนร้ายมีลักษณะรูปร่างค่อนข้างสูง ถือเป็นลักษณะเด่น ซึ่งในการติดตามหาตัวคนร้ายนั้น จะต้องใช้องค์ประกอบหลายๆ อย่างในการติดตาม ดังนั้น จะต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ในการทำงานสักระยะ เพราะเชื่อว่าคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุจะเป็นผู้ที่ตระเวนไปมาในละแวกนั้น และเมื่อสบโอกาสเหมาะก็จะลงมือก่อเหตุ ส่วนมีดที่ใช้น่าจะมีติดตัวอยู่แล้ว และจะใช้เมื่อกระชากกระเป๋าแล้วมีการยื้อยึดก็จะตัดให้ขาด แต่เมื่อเจ้าทรัพย์ต่อสู้จึงใช้มีดจ้วงแทงจนบาดเจ็บ และเสียชีวิต
พล.ต.ท.สันติ กล่าวต่อไปว่า จากพยานหลักฐานที่มีอยู่ขณะนี้ มีความมั่นใจกว่า 70% ในการติดตามตัวคนร้ายมาลงโทษ ส่วนที่เหลือก็ต้องอาศัยส่วนประกอบอื่นๆ รวมไปถึงเรื่องของโชคด้วย ซึ่งก็ต้องพยายามอย่างเต็มที่”
สำหรับมาตรการในการป้องกันอาชญากรรมในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทย แต่มีอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมีไม่เพียงพอรองรับประชากรที่มีจำนวนมาก พล.ต.ต.สันติ กล่าวว่า เรื่องนี้ได้มีการกำชับเรื่องของมาตรการในการดูแลคามปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวไปแล้ว ซึ่งจริงๆ แล้วเรื่องการดูแลความปลอดภัยนั้นได้ให้ความสำคัญมาโดยตลอด และนายกรัฐมนตรีเองก็ให้ความสำคัญในเรื่องนี้มาก ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีในการที่จะบูรณาการหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการสนับสนุนงบประมาณในการจัดซื้อกล้องซีซีทีวีติดตั้งตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เป็นกล้องที่มีความเหมาะสม และมีคุณภาพที่สามารถนำมาประกอบในการค้นหาติดตามจับกุมคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุได้ และล่าสุด รองนายกรัฐมนตรี นายเฉลิม อยู่บำรุง ได้มีการเรียกประชุมและเน้นย้ำในเรื่องดังกล่าว ซึ่งหากเราทำกันอย่างจริงจัง และต่อเนื่องก็จะส่งผลดีเป็นอย่างมาก ซึ่งคาดว่าน่าจะเริ่มนำร่องที่ภูเก็ตก่อน เพราะเป็นแหล่งทำรายได้เข้าประเทศไทยในลำดับต้นๆ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยว