xs
xsm
sm
md
lg

เร่งจับโจรแทงเอเยนต์ทัวร์ออสซี่รายใหญ่ดับ/ชี้ท่องเที่ยวกระทบแน่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ตำรวจเร่งติดตามคนร้ายก่อเหตุชิงทรัพย์แทงนักท่องเที่ยวออสซี่ดับ มั่นใจติดตามจับกุมคนร้ายได้ ขณะนี้มีการสอบปากคำพยานไปแล้วหลายปาก รวมทั้งการตรวจสอบกล้องวงจรปิด ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวภูเก็ตระบุ เหตุการณ์ชิงทรัพย์ทำร้ายนักท่องเที่ยวส่งผลกระทบรุนแรง เผยนักท่องเที่ยวที่เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บ เป็นตัวแทนจากบริษัทนำเที่ยวรายใหญ่ของประเทศไทย
กล้องวงจรปิดสามารถจับภาพคนร้ายที่ก่อเหตุพยายามชิงทรัพย์แหม่มออสซี่ไว้ได้
วันนี้ (22 มิ.ย.) พ.ต.อ.พีระยุทธ์ การะเจดีย์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามจับกุมคนร้ายก่อเหตุพยายามชิงทรัพย์ และใช้อาวุธมีดแทงนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียเสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บ 1 คน โดยเหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 20 มิ.ย. ที่ผ่านมา ที่บริเวณหาดกะตะน้อย ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต ห่างจากโรงแรมกะตะธานี ประมาณ 200 เมตร ว่า ขณะนี้ การสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจมีความคืบหน้าไปมาก โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วยร่วมกันทำงานอย่างเต็มที่

ซึ่งข้อมูลที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มานั้นมีมากพอสมควรแล้ว และขณะนี้ อยู่ในระหว่างการตรวจสอบข้อมูล และขยายภาพแผ่นป้ายทะเบียนของรถจักรยานยนต์คันที่คนร้ายใช้ก่อเหตุที่ได้จากกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ เบื้องต้น คาดว่าคนร้ายที่ลงมือน่าจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่มักจะก่อเหตุเกี่ยวกับทรัพย์ซึ่งจะตระเวนก่อเหตุในพื้นที่ต่างๆ เมื่อสบโอกาสเหมาะก็จะลงมือจัดการกับเหยื่อ หรือไม่ก็เป็นบุคคลที่เพิ่งพ้นโทษออกมา

พ.ต.อ.พีระยุทธ์ กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้คงไม่สามารถให้รายละเอียดได้มากนัก เพราะจะทำให้เสียรูปคดีได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งสืบสวนสอบสวนอย่างเต็มที่ คดีนี้เป็นคดีที่ผู้บังคับบัญชาให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก และจะลงมาติดตามคดีด้วยตนเอง ซึ่งคดีนี้เป็นคดีที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตด้วย

ขณะที่ พ.ต.อ. ศิริศักดิ์ วาระศิริ ผกก.สภ.ฉลอง กล่าวว่า ขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไปค่อนข้างมาก และมั่นใจว่ามีโอกาสที่จะติดตามตัวคนร้ายมาลงโทษได้ค่อนข้างสูง โดยใช้หลักฐานจากกล้องวงจรปิดที่เจ้าหน้าที่นำมาตรวจสอบ โดยขณะนี้ กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบทางเทคนิค คาดว่าเร็วๆ นี้จะได้ผลการตรวจสอบออกมา นอกจากนั้ นทางเจ้าหน้าที่ยังได้เก็บรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ รวมทั้งการสอบพยานบุคคลในที่เกิดเหตุ ประจักษ์พยานและพยานแวดล้อมแล้ว ซึ่งขณะนี้สามารถรวบรวมพยานหลักฐานได้มากแล้ว

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตัวแทนกงสุลออสเตรเลียประจำจังหวัดภูเก็ต ได้เดินทางมาติดต่อเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ตเพื่อขอรับศพของ Miss.MICHELLE ELIZABEIM นักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลีย ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์คนร้ายพยายามชิงทรัพย์ และใช้มีดจ้วงแทงจนเสียชีวิต ซึ่งเก็บไว้ที่ห้องดับจิตของโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต

ขณะที่ นายภูริต มาศวงศา อุปนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า นักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียที่ประสบเหตุในครั้งนี้ เป็นตัวแทนบริษัทนำเที่ยวยักษ์ใหญ่ จากเมืองเพิร์ท ประเทศออสเตรเลีย และเป็นลูกค้ารายใหญ่ของประเทศไทย ที่ส่งเจ้าหน้าที่จาก 10 สาขา มาสำรวจแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พังงา และกระบี่ แต่มาเกิดเหตุร้ายขึ้นมาก่อน ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต และประเทศไทยอย่างแน่นอน

ขณะนี้ สื่อต่างประเทศทั่วโลกลงข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทำให้ทุกคนพูดถึงเรืองความปลอดภัยว่ามาภูเก็ตปลอดภัยแค่ไหน ซึ่งหลายคนมองขณะนี้ แหล่งท่องเที่ยวเพื่อนบ้านมีความปลอดภัยมากกว่าบ้านเราแล้ว จึงอยากให้หน่วยงานภาครัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหันมาให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องของความปลอดภัย ความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สินอย่างจริงจังเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่จะทำให้ภาพลักษณ์เมืองท่องเที่ยวเสียหาย

การท่องเที่ยวเป็นตัวที่ทำรายได้ให้แก่ประเทศ แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้บ่อยครั้ง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ใส่ใจเรื่องของความปลอดภัยก็จะทำให้ประเทศไทยสูญเสียรายได้จากการท่องเที่ยวอย่างแน่นอน ซึ่งเรื่องของความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวไม่ใช่จะมีเฉพาะเรื่องของทำร้ายร่างกาย ฉกชิง วิ่งราวเท่านั้น แต่รวมไปถึงเรื่องของการข่มขู่ เอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยวด้วย จึงอยากให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ให้มากๆ

รัฐบาลตั้งเป้าที่จะดึงนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ 20 ล้านคน แต่ถ้าไม่ดูเรื่องของการท่องเที่ยวก็เป็นไปไม่ได้ และไม่เป็นไปตามที่คาดหวังแน่นอน เพราะฉะนั้น รัฐบาลจะต้องลงทุนเกี่ยวกับเรื่องของความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวให้มากขึ้น ซึ่งการลงทุนในครั้งนี้จะส่งผลไปถึงประชาชนคนไทยด้วย โดยการสร้างความมั่นคงในความปลอดภัยนั้นทำได้โดยการติดตั้งกล้องวงจรปิดระบบเดียวกันทั้งเกาะภูเก็ต และการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ในการดูความปลอดภัย โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยง เชื่อว่าทำได้จะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวอย่างแน่นอน
กำลังโหลดความคิดเห็น