xs
xsm
sm
md
lg

หวั่นสั่งปิดแหล่งท่องเที่ยวทะเลตรัง 6 เดือน กระทบธุรกิจท่องเที่ยว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตรัง - นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวตรัง หวั่นการสั่งปิดแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล 6 เดือนของ อช.หาดเจ้าไหม อาจกระทบต่อผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยว ระบุ ควรมีมาตรการชัดเจน และพูดคุยกับทุกฝ่ายอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว จ.ตรัง

นายประทีป โจ้งทอง นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว จ.ตรัง เปิดเผยว่า จากการที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จ.ตรัง ได้ประกาศปิดแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล เนื่องจากอยู่ในช่วงคลื่นลมมรสุม ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค.-15 พ.ย.2555 หรือเป็นระยะเวลา 6 เดือนนั้น ขณะนี้ ทางผู้ประกอบการท่องเที่ยวยังไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด และถือเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากอยู่ในช่วงโลว์ซีซัน ซึ่งมีนักท่องเที่ยวน้อยอยู่แล้ว

ประกอบกับการสั่งปิดแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลครั้งนี้ ทางอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหมก็ไม่ได้เข้มงวดมากนักเหมือนที่ผ่านมา ทำให้ผู้ประกอบการยังคงนำนักท่องเที่ยวเที่ยวทะเลและเกาะต่างๆ ได้ตามปกติ แต่ก็เที่ยวได้เพียงบางเกาะ เช่น เกาะกระดาน เกาะเชือก เกาะไหง เท่านั้น ยกเว้นถ้ำมรกต เนื่องจากเป็นจุดที่รับคลื่นลมโดยตรง ซึ่งอาจไม่ปลอดภัยได้

ทางผู้ประกอบการก็จะใช้ดุลพินิจหลีกเลี่ยง และนำนักท่องเที่ยวไปเที่ยวตามชายหาด ล่องแก่ง ถ้ำ ภูเขา หรือน้ำตกแทน เนื่องจาก จ.ตรัง มีศักยภาพทางด้านแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลายอยู่แล้ว แต่ติดขัดที่แหล่งท่องเที่ยวเหล่านี้อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า โดยเฉพาะน้ำตกที่มีอยู่ทั้งหมด 24 แห่ง แต่ในจำนวนนี้มี 10 แห่ง ที่อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเทือกเขาบรรทัด ซึ่งนักท่องเที่ยวเดินทางไปแล้วกลับรู้สึกไม่ประทับใจ เนื่องจากมีความสกปรก รกร้าง และขาดการบริหารจัดการที่ดี
ถ้ำมรกต แหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อของ จ.ตรัง
 
ซึ่งที่ผ่านมา ทางผู้ประกอบการมิได้คัดค้านการสั่งปิดแหล่งท่องเที่ยวทะเล แต่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ก็ควรมีความชัดเจนกว่านี้ มิฉะนั้น จะส่งผลกระทบในด้านลบมากกว่าในด้านบวก เพราะตั้งแต่เกิดคลื่นยักษ์สึนามิเมื่อปี 2547 เป็นต้นมา การท่องเที่ยวทางฝั่งอันดามัน รวมทั้ง จ.ตรัง ก็ได้รับผลกระทบ และหยุดชะงักงันมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งเตือนภัยคลื่นยักษ์สึนามิบ่อยครั้ง คำทำนาย หรือปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว โดยเฉพาะที่เกาะเชือก ซึ่งมีการสั่งปิดเกาะมานานกว่า 2 ปีแล้ว แต่ยังไม่ยอมประกาศยกเลิก ทำให้ผู้ประกอบการใน จ.ตรัง ต้องสูญเสียแหล่งท่องเที่ยวไปอีก 1 แห่ง และไม่สามารถหาแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลอื่นมาทดแทนให้แก่นักท่องเที่ยวได้ เมื่อจำเป็นต้องฝ่าฝืนกฎนำนักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวชม ทำให้กลายเป็นความขัดแย้งเกิดขึ้น ระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชน

ดังนั้น จึงทำให้ผู้ประกอบการเกิดความวิตกกังวลว่า หากยังไม่มีการพูดคุยอย่างเป็นรูปธรรมกับผู้ที่เกี่ยวข้อง กรณีประกาศปิดแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลเป็นระยะเวลา 6 เดือน จะทำให้นักลงทุนจากภายนอกไม่กล้าเข้ามาลงทุนในฝั่งอันดามันอย่างแน่นอน เพราะกลัวขาดทุน ประกอบกับกฎหมายที่เข้มงวดของกรมอุทยานฯ ที่กลายเป็นกับดักของการท่องเที่ยว ซึ่งนับวันจะทวีความรุนแรงเรื่อยๆ รวมทั้งภัยธรรมชาติที่เกิดจากการสร้างกระแสของผู้คน ซึ่งน่ากลัวกว่าภัยธรรมชาติยิ่งนัก
กำลังโหลดความคิดเห็น