ระนอง - กรมศุลฯ ไฟเขียวให้ระนองพัฒนาท่าเทียบเรือศุลกากรเป็นท่าเทียบเรือเพื่อการท่องเที่ยว และการค้าชายแดน
นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เปิดเผยว่า จากการที่คณะกรรมการเพื่อพัฒนาและบริหารจัดการท่าเทียบเรือเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว และการค้าชายแดนจังหวัดระนอง ได้มีมติให้เทศบาลตำบลปากน้ำท่าเรือ ดำเนินการขอใช้ที่ราชพัสดุบริเวณท่าเทียบเรือศุลกากรระนอง เพื่อเข้าพัฒนาพื้นที่เป็นท่าเทียบเรือเพื่อการท่องเที่ยว และการค้าชายแดน โดยมีจังหวัด และหอการค้าจังหวัดระนอง เป็นหน่วยงานหลักในการพัฒนา และให้เทศบาลจัดทำประชาพิจารณ์ในเรื่องดังกล่าว ซึ่งประชาชนในพื้นที่ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียส่วนใหญ่เห็นด้วยกับนโยบายของจังหวัด พร้อมให้กรมศุลกากรพัฒนาประภาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ในเชิงการท่องเที่ยวให้เป็นจุดชมวิว ดูแลบำรุงรักษาประภาคารในรูปแบบที่กรมศุลกากรเห็นสมควร และให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดระนองร่วมกับกรมศุลกากรเป็นผู้พัฒนาพื้นที่บริเวณท่าเทียบเรือศุลกากรระนอง ให้เป็นจุดบริการเบ็ดเสร็จครบวงจร(Complex) เป็นศูนย์การค้าชายแดน และแหล่งท่องเที่ยวมีการค้าขายสินค้าปลอดภาษี สร้างความเจริญด้านการค้า การลงทุน โดยจังหวัดระนองเป็นผู้ให้การสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค เช่น ระบบประปา สถานที่จอดรถ เป็นต้น
ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง กล่าวว่า จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น กรมศุลกากรได้เห็นชอบให้มีการพัฒนาท่าเทียบเรือศุลกากรระนองให้เป็นท่าเทียบเรือเพื่อการท่องเที่ยว และการค้าชายแดน ตามที่จังหวัดระนองต้องการ โดยมีข้อกำหนดเบื้องต้น เช่น ปรับปรุงท่าเทียบเรือให้มีการบริหารจัดการตามมาตรฐานสากล เช่น มีทางขึ้นลง และมีโป๊ะปรับระดับ จัดหาเรือรับ-ส่ง ผู้โดยสารเพื่อการท่องเที่ยวทางทะเล จัดสร้างอาคารบริเวณหัวสะพานท่าเทียบเรือให้สามารถรองรับบริการต่างๆ และหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องเข้าไปใช้พื้นที่เพื่อบริการนักท่องเที่ยว และประชาชน เป็นต้น ซึ่งจังหวัดจะได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามที่กำหนดต่อไป เชื่อว่าจะเกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของจังหวัดระนอง ทั้งด้านการค้า การท่องเที่ยว อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ท่าเทียบเรือศุลกากรระนองใช้งบก่อสร้าง 85 ล้านบาท ตัวสะพานยาว 344 เมตร กว้าง 10 เมตร พร้อมทั้งเดินเท้ามีหลังคากันแดดกว้าง 2 เมตร ปลายท่าเรือได้ก่อสร้างประภาคารความสูง 48.5 เมตร สูง 9 ชั้น ด้านบนสุดของประภาคาร เป็นจุดชมวิวสามารถมองเห็นทิวทัศน์อันสวยงามของทะเลอันดามัน แม่น้ำกระบุรี และประเทศเมียนมาร์ แต่ปัจจุบัน การใช้ประโยชน์จากท่าเทียบเรือดังกล่าวเฉพาะทางราชการเท่านั้น ซึ่งถือว่ายังไม่คุ้มค่ากับงบประมาณที่ได้ลงทุนไป