ระนอง - เสนาธิการกองทัพภาคที่ 4 ลงพื้นที่อำเภอกะเปอร์ ติดตามการฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัย
วันนี้ (15 มิ.ย.55) พล.ต.ชรินทร์ อมรแก้ว เสนาธิการกองทัพภาคที่ 4 ได้เดินทางลงพื้นที่ตำบลบ้านนา และตำบลเชี่ยวเหลียง อำเภอกะเปอร์ เพื่อตรวจเยี่ยมและติดตามการฟื้นฟู ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย มีว่าที่ ร.ต.ปฐวี ปรัตคจริยา รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง ผู้นำหน่วยทหารในพื้นที่ นายอำเภอ นายก อบต. และกำนันผู้ใหญ่บ้านร่วมให้การต้อนรับ
โดยได้ดูสภาพพื้นที่ได้รับความเสียหายจากน้ำป่าไหลหลาก ซึ่งเป็นจุดติดตั้งสะพานแบลี่ หมู่ที่ 3 ต.บ้านนา ตรวจเยี่ยมครอบครัวนางพิศมัย สิมณี อายุ 31 ปี และครอบครัวนางสุมาลี หาญกุดตุ้ม อายุ 41 ปี ราษฎรหมู่ที่ 4 ตำบลบ้านนา ที่บ้านเรือนพังเสียหายและที่ดินถูกน้ำป่ากัดเซาะจนไม่สามารถสร้างบ้านในที่ดินเดิมได้ ซึ่งยังอาศัยอยู่ที่อาคารเก่าโรงเรียนบ้านนาเป็นการชั่วคราว พร้อมทั้งได้พบปะพูดคุยกับประชาชนและมอบเครื่องอุปโภคบริโภคให้ผู้ประสบภัยเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนด้วย
นอกจากนี้ยังได้ไปตรวจเยี่ยมประชาชนที่ประสบอุทกภัยที่หมู่ที่ 1 บ้านเชี่ยวเหลียง ต.เชี่ยวเหลียง อ.กะเปอร์ ที่คอสะพานถูกน้ำป่ากัดเซาะขาดประมาณ 20 เมตร ต้องใช้เรือท้องแบนในการขนผลผลิตทางการเกษตรเพื่อนำออกไปขาย
เสนาธิการกองทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า ผู้บัญชาการทหารบก และแม่ทัพภาคที่ 4 มีความห่วงใยประชาชนที่ประสบอุทกภัย จึงได้มอบหมายให้ตนเดินทางมาเยี่ยมเพื่อให้กำลังใจ พร้อมทั้งหาทางช่วยเหลือในการฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัย โดยมีชุดช่างของทหารค่ายรัตนรังสรรค์จังหวัดระนองพร้อมในการก่อสร้างบ้านเรือนของประชาชนที่พังเสียหายจำนวน 2 หลัง โดยองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านนาพร้อมสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ในการสร้างบ้าน แต่ยังติดปัญหาเรื่องที่ดินสร้างบ้าน ซึ่งทาง อบต. อำเภอ และจังหวัดระนอง จะได้ประชุมเพื่อจัดหาที่ดินให้ต่อไป อย่างไรก็ตามจากการที่ได้นั่งเฮลิคอปเตอร์ตรวจสภาพพื้นที่ทางอากาศพบว่าสภาพภูมิประเทศของตำบลบ้านนาเป็นรูปแอ่งกระทะ มีภูเขาล้อมรอบ เมื่อฝนตกหนักน้ำจะไหลลงสู่พื้นราบอย่างรวดเร็ว สาเหตุมาจากป่าไม้ถูกบุกรุกทำลายทำให้ไม่มีต้นไม้ใหญ่ในการชะลอน้ำ จึงต้องขอร้องว่าต่อไปอย่าได้บุกรุกป่าไม้อีก แต่ต้องช่วยกันปลูกไม้ยืนต้นด้วย
นายสงบ จันทร์เขียว นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านนา กล่าวว่า อบต.บ้านนารับผิดชอบพื้นที่ 2 ตำบล คือ ตำบลบ้านนาและตำบลเชี่ยวเหลียง มีประชากรประมาณ 5,000 คน อุทกภัยที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมา ทำให้มีบ้านพังเสียหาย 2 หลัง คอสะพานพัง 2 แห่ง ท่อลอดพัง 4 ตัว ถนนชำรุดเสียหายประมาณ 10 สายระยะทางรวม 20 กิโลเมตร ต้องใช้เงินฟื้นฟูประมาณ 8 ล้านบาท