ชาวกระบี่ตื่นเขาลูกช้างถล่มพังลงมาครึ่งเขา จี้หน่วยงานเกี่ยวข้องตรวจสอบด่วน

กระบี่ - ชาวบ้านห้วยโต้ ต.ทับปริก จ.กระบี่ ตื่นเขาลูกช้างถล่มลงมาครึ่งซีก หลังเกิดฝนตกหนัก กำนันจี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจผลกระทบ ด้านอุทยานเขาพนมเบญจา ระบุ เข้าสำรวจแล้วไม่น่าจะกระทบชาวบ้าน

วันนี้ (13 มิ.ย.) ชาวบ้าน ม.4 บ้านห้วยโต้ ต.ทับปริก อ.เมือง จ.กระบี่ เล่าลือว่า เกิดเหตุภูเขาถล่มในพื้นที่ตำบลทับปริก จึงเดินทางไปตรวจสอบพบว่า ภูเขาลูกที่ถล่มพังหายไปหนึ่งซีก ทำให้เห็นพื้นหินเป็นสีแดงสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน จากถนนสายบ้านทับปริก-ห้วยโต้ จึงเดินทางไปตรวจสอบพบว่า จุดที่เกิดเหตุเขาถล่ม และดินพังลงมานั้น ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจา ติดกับน้ำตกห้วยโต้ การเดินทางเข้าพื้นที่เป็นป่ารกทึบ ต้องใช้วิธีเดินเท้า ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง จึงจะเดินทางไปถึง หากถ้าไม่ชำนาญพื้นที่ก็จะทำให้หลงป่าได้

สอบถามนายอัมพันธ์ เกิดสุข ชาวบ้านห้วยโต้ ม.4 ต.ทับปริก อ.เมือง จ.กระบี่ เล่าว่า ภูเขาลูกที่พัง ชื่อภูเขาลูกช้าง เดิมมีลักษณะเป็นรูปช้าง หันหน้ามาทางหมู่บ้าน นักท่องเที่ยวชอบแวะถ่ายรูป แต่เมื่อช่วงปีที่ผ่านมา เกิดฝนตกหนัก ทำให้ภูเขาเริ่มพังทลายลงมา ลูกชายของตนได้ชวนเพื่อนๆ ประมาณ 3-4 คน ที่เดินทางขึ้นไปดู และถ่ายรูปกลับมาให้ดู พบว่า ภูเขาลูกช้างนั้นพังจำนวนมากกินเนื้อที่นับสิบไร และพบว่า ภูเขามีรอยร้าวพร้อมที่จะถล่มลงมาอีก และวันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมาฝนตกหนัก ภูเขาน่าจะถล่มพังลงมาเพิ่มอีก เนื่องจากมีรอยพังเพิ่มใหม่

นายศุภชัย เกิดสุข กำนัน ต.ทับปริก อ.เมือง จ.กระบี่ กล่าวถึงภูเขาถล่มในพื้นที่ ต.ปรับปริก ด้วยว่า ภูเขาลูกที่ถล่มนั้น ชื่อภูเขาลูกช้าง ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจา ห่างจากบ้านเรือนของชาวบ้าน หมู่ที่ 4 บ้านห้วยโต้ ต.ทับปริก ที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วม เมื่อวันที่ 4 ที่ผ่านมา ประมาณ 2 กิโลเมตร โดยภูเขาลูกดังกล่าวพังหายไปหนึ่งซีก รวมเนื้อที่หลายสิบไร่ ซึ่งสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนจากหมู่บ้าน โดยเริ่มพังมาตั้งแต่ฝนตกน้ำท่วมกระบี่ครั้งใหญ่ เมื่อปลายเดือนมีนาคม 2554 ที่ผ่านมา และทุกครั้งที่ฝนตกหนัก ภูเขาก็จะพังทลายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

กำนัน ต.ทับปริก กล่าวอีกว่า ตั้งแต่เกิดเหตุเขาลูกช้างพัง ก็ไม่เคยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปสำรวจอย่างจริงจัง ว่าจะมีผลกระทบกับชาวบ้านหรือไม่ ถึงแม้ว่าที่ผ่านมา ไม่มีผลกระทบโดยตรงก็ตาม ก็อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเข้าไปสำรวจอย่างจริงจังด้วย เพราะเกรงว่าในอนาคต หากว่าภูเขาส่วนที่เหลือพังลงมาอีกทั้งลูก อาจจะส่งผลกระทบต่อชาวบ้านเหมือนกับที่เคยเกิดเหตุภูเขาถล่มมาแล้วในพื้นที่ ต.เขาคราม เมื่อหลายปีก่อน เป็นเหตุให้ชาวบ้านเสียชีวิต และบาดเจ็บ จึงไม่อยากให้เกิดขึ้นในพื้นที่ตำบลทับปริกอีก ขอฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้าสำรวจ และแจ้งให้ชาวบ้านทราบด้วย

นายศรายุทธ ตันเถียร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจา กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปสำรวจภูเขาลูกที่พังดังกล่าวแล้ว พบว่าไม่น่าจะเกิดผลกระทบกับชาวบ้านเนื่องจากเป็นภูเขาสลับซ้อนอยู่หลายชั้น และอยู่ไกลจากหมู่บ้าน แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ก็จะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปสำรวจอีกครั้ง เนื่องจากช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีฝนตกหนักอีก แต่ต้องรออีกระยะให้สถานการณ์น้ำท่วม และฝนทิ้งช่วงเข้าสู่สภาวะปกติ เพื่อสามารถเดินทางได้สะดวก