นครศรีธรรมราช - เกิดเหตุแก๊งยาเสพติดเครือข่ายเรือนจำนครศรีธรรมราช ยิงหัวตำรวจขณะเข้าทำการตรวจค้น แพทย์สุดยื้อสมองเสียหายหนัก แม่ยอมรับสภาพลูกพลีชีพในหน้าที่แล้ว ไม่หวังปาฏิหาริย์ ผบก.นครศรีฯ ลั่นพลิกแผ่นดินล่าเอาตัวมาดำเนินคดีให้ได้
เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (31 พ.ค.) พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช พ.ต.อ.สุทัศน์ ชาญสวัสดิ์ รอง ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วยนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ได้เข้าเยี่ยมอาการของ ส.ต.อ.พิพัฒน์พงศ์ หลอมทอง ผบ.หมู่งาน ป.สภ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ที่ถูกส่งเข้ารักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู 1 โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช หลังจากที่ ส.ต.อ.พิพัฒน์พงศ์ ถูกคนร้ายยิงได้รับบาดเจ็บสาหัสขณะเข้าทำการสกัด และตรวจค้น เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยหน้าห้องไอซียู มีนางสมพงศ์ จรตพืช อายุ 67 ปี มารดาของ ส.ต.อ.พิพัฒน์พงศ์ คอยเฝ้าอาการบุตรชายอยู่อย่างใกล้ชิด
พ.ต.อ.สุทัศน์ ชาญสวัสดิ์ รอง ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ได้เข้าไปดูอาการของ ส.ต.อ.พิพัฒน์พงศ์ แล้วแพทย์ได้ระบุว่า กระสุนได้เจาะเข้าบริเวณหน้าผากไปทะลุหลังทัดดอกไม้ สมองได้ตายไปหมดแล้ว กระสุนถูกเข้าบริเวณเนื้อสมอง ก้านสมองได้รับความเสียหาย แต่ยังมีเครื่องช่วยชีวิตช่วยหายใจ สารกระตุ้นต่างๆ ยังคงอยู่ หลังจากนี้ แพทย์จะค่อยๆ ปล่อยให้ทุกอย่างสิ้นสภาพไปเอง โดยจะไม่ถอดเครื่องช่วยหายใจ หรือเครื่องช่วยชีวิตใดๆ ทั้งสิ้น
ด้านนางสมพงศ์ จรตพืช อายุ 67 ปี มารดาของ ส.ต.อ.พิพัฒน์พงศ์ เปิดเผยว่า หลังจากทราบข่าววานนี้รีบมาดูลูกทันที ก่อนออกมาจากบ้านนั้นทำใจมาแล้วว่าต้องอยู่ในสภาพที่หนักหนาที่สุดแน่ๆ เนื่องจากเพื่อนตำรวจเขาบอกว่าถูกยิงที่ศีรษะ
“เมื่อมาเห็นสภาพจริงต้องทำใจต่อไป ยอมรับว่าไม่ได้หวังปาฏิหาริย์ใดๆ แล้วลูกพลีชีพไปในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มภาคภูมิ สมองของเขาเสียไปหมดแล้ว แต่ด้วยที่ร่างกายเขาแข็งแรงล่ำสันจึงยังคงทนอยู่ได้ หลังจากนี้ ต้องรอให้ร่างกายเขาหมดสภาพไปเองหมอบอกว่าไม่เกิน 48 ชม.”
สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวนั้น เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 19.00 น.ของวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ ส.ต.อ.พิพัฒน์พงศ์ หลอมทอง พร้อมด้วย จ.ส.ต.จารนัย พันธะกิจ ผบ.หมู่งาน ป.สายตรวจคู่หู ของ ส.ต.อ.พิพัฒน์พงศ์ ได้ใช้รถจักรยานยนต์สายตรวจออกตรวจพื้นที่ มาถึงบริเวณหน้าหมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา ม.9 ต.ท่ายาง อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช สังเกตเห็นชายฉกรรจ์ 2 คน ใช้รถจักรยานยนต์แบบชอปเปอร์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ซึ่งต้องสงสัยเป็นบุคคลเป้าหมายตามหมายจับในคดีฆ่าผู้อื่น และคดียาเสพติด จึงเรียกให้หยุด แต่ปรากฏว่ารถคันดังกล่าวได้เร่งเครื่องหลบหนี ส.ต.อ.พิพัฒน์พงศ์ และ จ.ส.ต.จารนัย จึงใช้รถจักรยานยนต์สายตรวจไล่ติดตาม ก่อนที่จะใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่ล้อรถจักรยานยนต์ของคนร้ายจนเสียหลักล้ม
จากนั้น ส.ต.อ.พิพัฒน์พงศ์ จึงเข้าประชิดตัวล็อกคอไว้ได้ 1 ราย แต่คนร้ายอีกคนได้ใช้อาวุธปืนจ่อยิงศีรษะของ ส.ต.อ.พิพัฒน์พงศ์ แน่นิ่งไปทันที ส่วน จ.ส.ต.จารนัย ได้ใช้อาวุธปืนไล่ยิงคนร้ายที่วิ่งหลบหนีเข้าป่าไป แต่ไม่เป็นผล ก่อนที่จะวิทยุแจ้งไปยังศูนย์วิทยุทุ่งใหญ่เพื่อขอความช่วยเหลือ และรีบนำตัว ส.ต.อ.พิพัฒน์พงศ์ ส่งโรงพยาบาลในที่สุด
พ.ต.อ.สมโชค จันทรมณี ผกก.สภ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ขณะนี้ทราบตัวคนร้ายแล้ว แต่ยังไม่ขอเปิดเผยชื่อ พบว่าเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับคดีฆ่าใน จ.กระบี่ และคดียาเสพติด พบว่ายังมีความเชื่อมโยงในเรื่องขบวนการค้ายาเสพติดในเรือนจำอีกด้วย
พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ได้ส่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนและหน่วยปฏิบัติการพิเศษลงพื้นที่ไปแล้ว ยืนยันว่า ส.ต.อ.พิพัฒน์พงศ์ เป็นคนรักการทำงานเอาการเอางาน มาถูกยิงในขณะที่ทำงานโดยคนร้าย ตนยอมไม่ได้ และคนร้ายทั้งสองรายนั้นจะติดตามจับกุมมาดำเนินคดีให้ได้ ไม่ว่าจะต้องจับเป็น หรือจับตาย
เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (31 พ.ค.) พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช พ.ต.อ.สุทัศน์ ชาญสวัสดิ์ รอง ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วยนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ได้เข้าเยี่ยมอาการของ ส.ต.อ.พิพัฒน์พงศ์ หลอมทอง ผบ.หมู่งาน ป.สภ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ที่ถูกส่งเข้ารักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู 1 โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช หลังจากที่ ส.ต.อ.พิพัฒน์พงศ์ ถูกคนร้ายยิงได้รับบาดเจ็บสาหัสขณะเข้าทำการสกัด และตรวจค้น เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยหน้าห้องไอซียู มีนางสมพงศ์ จรตพืช อายุ 67 ปี มารดาของ ส.ต.อ.พิพัฒน์พงศ์ คอยเฝ้าอาการบุตรชายอยู่อย่างใกล้ชิด
พ.ต.อ.สุทัศน์ ชาญสวัสดิ์ รอง ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ได้เข้าไปดูอาการของ ส.ต.อ.พิพัฒน์พงศ์ แล้วแพทย์ได้ระบุว่า กระสุนได้เจาะเข้าบริเวณหน้าผากไปทะลุหลังทัดดอกไม้ สมองได้ตายไปหมดแล้ว กระสุนถูกเข้าบริเวณเนื้อสมอง ก้านสมองได้รับความเสียหาย แต่ยังมีเครื่องช่วยชีวิตช่วยหายใจ สารกระตุ้นต่างๆ ยังคงอยู่ หลังจากนี้ แพทย์จะค่อยๆ ปล่อยให้ทุกอย่างสิ้นสภาพไปเอง โดยจะไม่ถอดเครื่องช่วยหายใจ หรือเครื่องช่วยชีวิตใดๆ ทั้งสิ้น
ด้านนางสมพงศ์ จรตพืช อายุ 67 ปี มารดาของ ส.ต.อ.พิพัฒน์พงศ์ เปิดเผยว่า หลังจากทราบข่าววานนี้รีบมาดูลูกทันที ก่อนออกมาจากบ้านนั้นทำใจมาแล้วว่าต้องอยู่ในสภาพที่หนักหนาที่สุดแน่ๆ เนื่องจากเพื่อนตำรวจเขาบอกว่าถูกยิงที่ศีรษะ
“เมื่อมาเห็นสภาพจริงต้องทำใจต่อไป ยอมรับว่าไม่ได้หวังปาฏิหาริย์ใดๆ แล้วลูกพลีชีพไปในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มภาคภูมิ สมองของเขาเสียไปหมดแล้ว แต่ด้วยที่ร่างกายเขาแข็งแรงล่ำสันจึงยังคงทนอยู่ได้ หลังจากนี้ ต้องรอให้ร่างกายเขาหมดสภาพไปเองหมอบอกว่าไม่เกิน 48 ชม.”
สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวนั้น เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 19.00 น.ของวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ ส.ต.อ.พิพัฒน์พงศ์ หลอมทอง พร้อมด้วย จ.ส.ต.จารนัย พันธะกิจ ผบ.หมู่งาน ป.สายตรวจคู่หู ของ ส.ต.อ.พิพัฒน์พงศ์ ได้ใช้รถจักรยานยนต์สายตรวจออกตรวจพื้นที่ มาถึงบริเวณหน้าหมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา ม.9 ต.ท่ายาง อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช สังเกตเห็นชายฉกรรจ์ 2 คน ใช้รถจักรยานยนต์แบบชอปเปอร์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ซึ่งต้องสงสัยเป็นบุคคลเป้าหมายตามหมายจับในคดีฆ่าผู้อื่น และคดียาเสพติด จึงเรียกให้หยุด แต่ปรากฏว่ารถคันดังกล่าวได้เร่งเครื่องหลบหนี ส.ต.อ.พิพัฒน์พงศ์ และ จ.ส.ต.จารนัย จึงใช้รถจักรยานยนต์สายตรวจไล่ติดตาม ก่อนที่จะใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่ล้อรถจักรยานยนต์ของคนร้ายจนเสียหลักล้ม
จากนั้น ส.ต.อ.พิพัฒน์พงศ์ จึงเข้าประชิดตัวล็อกคอไว้ได้ 1 ราย แต่คนร้ายอีกคนได้ใช้อาวุธปืนจ่อยิงศีรษะของ ส.ต.อ.พิพัฒน์พงศ์ แน่นิ่งไปทันที ส่วน จ.ส.ต.จารนัย ได้ใช้อาวุธปืนไล่ยิงคนร้ายที่วิ่งหลบหนีเข้าป่าไป แต่ไม่เป็นผล ก่อนที่จะวิทยุแจ้งไปยังศูนย์วิทยุทุ่งใหญ่เพื่อขอความช่วยเหลือ และรีบนำตัว ส.ต.อ.พิพัฒน์พงศ์ ส่งโรงพยาบาลในที่สุด
พ.ต.อ.สมโชค จันทรมณี ผกก.สภ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ขณะนี้ทราบตัวคนร้ายแล้ว แต่ยังไม่ขอเปิดเผยชื่อ พบว่าเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับคดีฆ่าใน จ.กระบี่ และคดียาเสพติด พบว่ายังมีความเชื่อมโยงในเรื่องขบวนการค้ายาเสพติดในเรือนจำอีกด้วย
พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ได้ส่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนและหน่วยปฏิบัติการพิเศษลงพื้นที่ไปแล้ว ยืนยันว่า ส.ต.อ.พิพัฒน์พงศ์ เป็นคนรักการทำงานเอาการเอางาน มาถูกยิงในขณะที่ทำงานโดยคนร้าย ตนยอมไม่ได้ และคนร้ายทั้งสองรายนั้นจะติดตามจับกุมมาดำเนินคดีให้ได้ ไม่ว่าจะต้องจับเป็น หรือจับตาย
