นครศรีธรรมราช - จู่โจมเป้าหมายยาเสพติดเครือข่ายเรือนจำบางขวาง-เรือนจำนครศรีธรรมราช จับกุมผู้ต้องหาเป็นหญิงตั้งครรภ์ 7 เดือน ของกลางจำนวนมาก สามีไหวตัวหนีไปได้ คาดเพราะเห็นความเคลื่อนไหวของตำรวจจากกล้องวงจรปิดที่ติดไว้รอบบ้านนั่นเอง
วันนี้ (23 พ.ค.) เมื่อเวลา 07.30 น. พล.ต.ต.รณพงษ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช สืบทราบมาว่า ที่บ้านเลขที่ 29/2 ม.7 ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เป็นเครือข่ายยาเสพติดสั่งของมาจากเรือนจำบางขวางเชื่อมโยงกับเรือนจำนครศรีธรรมราช ซึ่งทำกันมานานแล้ว จึงสั่งการให้ พ.ต.อ.เชาวศิลป์ บุญประดิษฐ์ ผกก.กลุ่มงานสืบสวน ภ.นครศรีธรรมราช นำกำลังตำรวจชุด นปพ.เข้าทำการจู่โจมจับกุมเป้าหมายดังกล่าว ซึ่งเมื่อไปถึง พบเพียงหญิงสาวท้องแก่คือ น.ส.วิสา เจนจิตร อายุ 31 ปี เดิมอยู่บ้านเลขที่ 161 ม.1 ต.ปากพูน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ก็พยายามหลบหนี แต่ได้ถูกคุมตัวไว้ได้
จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้ใช้บัตร ป.ป.ส.เข้าทำการตรวจค้นภายในบ้านดังกล่าวซึ่ง น.ส.วิสา เช่าอยู่กับสามี และลูก พบของกลางยาบ้าจำนวน 300 เม็ด, ยาไอซ์ 90.60 กรัม และกัญชาแห้งจำนวนหนึ่ง จึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะควบคุมตัว น.ส.วิสา ทำการสอบสวน โดยนางวิสาซึ่งได้ตั้งท้องประมาณ7 เดือน ให้การปฏิเสธว่า ของกลางทั้งหมดเป็นของสามี ซึ่งตอนนี้ไม่รู้ว่าไปไหน และไม่รู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่อย่างใด แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อเนื่องจากมีผู้ต้องหาที่ถูกจับก่อนหน้านี้ซัดทอดว่ามาซื้อยาเสพติดจาก น.ส.วิสา
พ.ต.อ.เชาวศิลป์ บุญประดิษฐ์ ผกก.กลุ่มงานสืบสวน ภ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ทางผู้บังคับบัญชาได้รับการรายงานจากสายของตำรวจว่า ที่บ้านดังกล่าวเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดโดยสั่งยามาจากเรือนจำบางขวาง และเรือนจำนครศรีธรรมราช โดยล่าสุด ได้โทรศัพท์สั่งซื้อยาบ้าจำนวน 1,200 เม็ด ในราคา 200,000 บาท และยาไอซ์ 100 กรัม ราคา 300,000 บาท จากนักโทษในเรือนจำบางขวางชื่อ “นายเสา” มีการโอนเงินผ่านทางธนาคาร แล้วมีคนนำยาเสพติดมาส่งให้สองสามีภรรยาคู่นี้เพื่อจำหน่ายให้แก่ผู้ค้ารายย่อย และกลุ่มวัยรุ่นติดยาอีกทอดหนึ่ง
สำหรับ น.ส.วิสา ผู้ต้องหารายนี้ก็เป็นเป้าหมายที่พบว่าค้ายาเสพติดอยู่ด้วย เนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้จับผู้ต้องหาช่วงก่อนหน้านั้นได้ซัดทอดว่าซื้อมาจาก น.ส.วิสา แต่เป้าหมายสำคัญอยู่ที่สามีของ น.ส.วิสา ซึ่งอาจจะไหวตัวทันแล้วหลบหนีไปก่อนเจ้าหน้าที่เข้าจับกุม อย่างไรก็ตาม การตรวจค้นภายในบ้านของ น.ส.วิสา พบว่ามีการติดกล้องโทรทัศน์วงจรปิดอยู่รอบๆ บ้าน คิดว่าน่าจะใช้สอดส่องเจ้าหน้าที่ตำรวจ อาจทำให้สามีของ น.ส.วิสา รู้ตัวล่วงหน้าจึงหนีไปได้ในที่สุด
วันนี้ (23 พ.ค.) เมื่อเวลา 07.30 น. พล.ต.ต.รณพงษ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช สืบทราบมาว่า ที่บ้านเลขที่ 29/2 ม.7 ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เป็นเครือข่ายยาเสพติดสั่งของมาจากเรือนจำบางขวางเชื่อมโยงกับเรือนจำนครศรีธรรมราช ซึ่งทำกันมานานแล้ว จึงสั่งการให้ พ.ต.อ.เชาวศิลป์ บุญประดิษฐ์ ผกก.กลุ่มงานสืบสวน ภ.นครศรีธรรมราช นำกำลังตำรวจชุด นปพ.เข้าทำการจู่โจมจับกุมเป้าหมายดังกล่าว ซึ่งเมื่อไปถึง พบเพียงหญิงสาวท้องแก่คือ น.ส.วิสา เจนจิตร อายุ 31 ปี เดิมอยู่บ้านเลขที่ 161 ม.1 ต.ปากพูน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ก็พยายามหลบหนี แต่ได้ถูกคุมตัวไว้ได้
จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้ใช้บัตร ป.ป.ส.เข้าทำการตรวจค้นภายในบ้านดังกล่าวซึ่ง น.ส.วิสา เช่าอยู่กับสามี และลูก พบของกลางยาบ้าจำนวน 300 เม็ด, ยาไอซ์ 90.60 กรัม และกัญชาแห้งจำนวนหนึ่ง จึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะควบคุมตัว น.ส.วิสา ทำการสอบสวน โดยนางวิสาซึ่งได้ตั้งท้องประมาณ7 เดือน ให้การปฏิเสธว่า ของกลางทั้งหมดเป็นของสามี ซึ่งตอนนี้ไม่รู้ว่าไปไหน และไม่รู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่อย่างใด แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อเนื่องจากมีผู้ต้องหาที่ถูกจับก่อนหน้านี้ซัดทอดว่ามาซื้อยาเสพติดจาก น.ส.วิสา
พ.ต.อ.เชาวศิลป์ บุญประดิษฐ์ ผกก.กลุ่มงานสืบสวน ภ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ทางผู้บังคับบัญชาได้รับการรายงานจากสายของตำรวจว่า ที่บ้านดังกล่าวเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดโดยสั่งยามาจากเรือนจำบางขวาง และเรือนจำนครศรีธรรมราช โดยล่าสุด ได้โทรศัพท์สั่งซื้อยาบ้าจำนวน 1,200 เม็ด ในราคา 200,000 บาท และยาไอซ์ 100 กรัม ราคา 300,000 บาท จากนักโทษในเรือนจำบางขวางชื่อ “นายเสา” มีการโอนเงินผ่านทางธนาคาร แล้วมีคนนำยาเสพติดมาส่งให้สองสามีภรรยาคู่นี้เพื่อจำหน่ายให้แก่ผู้ค้ารายย่อย และกลุ่มวัยรุ่นติดยาอีกทอดหนึ่ง
สำหรับ น.ส.วิสา ผู้ต้องหารายนี้ก็เป็นเป้าหมายที่พบว่าค้ายาเสพติดอยู่ด้วย เนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้จับผู้ต้องหาช่วงก่อนหน้านั้นได้ซัดทอดว่าซื้อมาจาก น.ส.วิสา แต่เป้าหมายสำคัญอยู่ที่สามีของ น.ส.วิสา ซึ่งอาจจะไหวตัวทันแล้วหลบหนีไปก่อนเจ้าหน้าที่เข้าจับกุม อย่างไรก็ตาม การตรวจค้นภายในบ้านของ น.ส.วิสา พบว่ามีการติดกล้องโทรทัศน์วงจรปิดอยู่รอบๆ บ้าน คิดว่าน่าจะใช้สอดส่องเจ้าหน้าที่ตำรวจ อาจทำให้สามีของ น.ส.วิสา รู้ตัวล่วงหน้าจึงหนีไปได้ในที่สุด