ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ร่วมกับ พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ 2 คดี พร้อมของกลางยาบ้า ยาไอซ์ และเฮโรอีน จำนวนมาก
คดีแรก เป็นเครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติชาวมาเลเซีย และไทย พร้อมของกลางยาไอซ์ 26 กิโลกรัม เฮโรอีน 22 กรัม เตรียมส่งประเทศมาเลเซีย และทรัพย์สิน รวมมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท ผู้ต้องหาคือ นายซาฮัต บิน กัตซิม(***) อายุ 55 ปี ชาวมาเลเซีย พร้อมภรรยาชาวไทย คือ นางยูรีซา อีมือซา(***) อายุ 34 ปี นายมูฮัมหมัด ซูซี มะยูโซะ(***) อายุ 31 ปี ชาว จ.นราธิวาส และนางนาซาวาติ บินติรัมรี(***) ภรรยา
โดยผู้ต้องหาได้รับค่าจ้างครั้งละ 30,000 บาท เจ้าหน้าที่จะใช้กฎหมายฟอกเงิน ตรวจสอบบัญชีธนาคาร และทรัพย์สิน เพื่ออายัดยึดทรัพย์ต่อไป
อีกคดี เป็นการจับกุม นายสุทัศ ซ่วยเหย่(***) อายุ 24 ปี และนายบัณฑิต หทัยวรกาญน์(***) อายุ 23 ปี ชาว จ.แม่ฮ่องสอน พร้อมของกลางยาบ้า 40,000 เม็ด ยาไอซ์ 38.9 กิโลกรัม และรถยนต์ติดแผ่นป้ายทะเบียนปลอม 1 คัน
ทั้ง 2 คดี เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดประเภทหนึ่งไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรี ยังสั่งเข้มงวดตรวจตราสถานบันเทิง ซึ่งมีข้อมูลว่า เป็นแหล่งซื้อขายยาเสพติด หากสถานบันเทิงใดไม่ให้ความร่วมมือจะสั่งปิดต่อไป
คดีแรก เป็นเครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติชาวมาเลเซีย และไทย พร้อมของกลางยาไอซ์ 26 กิโลกรัม เฮโรอีน 22 กรัม เตรียมส่งประเทศมาเลเซีย และทรัพย์สิน รวมมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท ผู้ต้องหาคือ นายซาฮัต บิน กัตซิม(***) อายุ 55 ปี ชาวมาเลเซีย พร้อมภรรยาชาวไทย คือ นางยูรีซา อีมือซา(***) อายุ 34 ปี นายมูฮัมหมัด ซูซี มะยูโซะ(***) อายุ 31 ปี ชาว จ.นราธิวาส และนางนาซาวาติ บินติรัมรี(***) ภรรยา
โดยผู้ต้องหาได้รับค่าจ้างครั้งละ 30,000 บาท เจ้าหน้าที่จะใช้กฎหมายฟอกเงิน ตรวจสอบบัญชีธนาคาร และทรัพย์สิน เพื่ออายัดยึดทรัพย์ต่อไป
อีกคดี เป็นการจับกุม นายสุทัศ ซ่วยเหย่(***) อายุ 24 ปี และนายบัณฑิต หทัยวรกาญน์(***) อายุ 23 ปี ชาว จ.แม่ฮ่องสอน พร้อมของกลางยาบ้า 40,000 เม็ด ยาไอซ์ 38.9 กิโลกรัม และรถยนต์ติดแผ่นป้ายทะเบียนปลอม 1 คัน
ทั้ง 2 คดี เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดประเภทหนึ่งไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรี ยังสั่งเข้มงวดตรวจตราสถานบันเทิง ซึ่งมีข้อมูลว่า เป็นแหล่งซื้อขายยาเสพติด หากสถานบันเทิงใดไม่ให้ความร่วมมือจะสั่งปิดต่อไป