ระนอง -ทีมระนองเอฟซี เปิดแถลงข่าวขอความเป็นธรรมพร้อมยื่นอุทธรณ์โทษ และเรียกร้องให้สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยลงพื้นที่ไปหาข้อเท็จจริงด้วย อย่าฟังความข้างเดียว
ที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนแยก 1 จังหวัดระนอง นายวรานนท์ เกลื่อนสิน ประธานสโมสรฟุตบอลระนอง หรือระนองเอฟซี พร้อมด้วย พล.ต.มนัส คงแป้น ประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ระนองเอฟซี นายคงกฤษ ฉัตรมาลีรัตน์ นายกสมาคมฟุตบอลระนอง และ ด.ต.ยรรยง จิตคงสง โค้ช ได้เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนจังหวัดระนอง โดยมีนักฟุตบอล และแฟนคลับร่วมรับฟังด้วย
ทั้งนี้ เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีที่ทีมระนองเอฟซีถูกคณะกรรมการจัดการแข่งขันฟุตบอล “เอไอเอส ลีกภูมิภาค ดิวิชัน 2” สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ลงโทษ 5 ข้อ จากความผิดฐานประธานสโมสร “ฉลามอันดามัน” ระนอง เอฟซี นำแฟนบอลปิดล้อมไม่ให้ทีมงานผู้ตัดสินในเกม “เอไอเอส ลีกภูมิภาค ดิวิชัน 2” ที่สนามกีฬากลาง จ.ระนอง เมื่อวันที่ 13พฤษภาคม คู่ระหว่าง ระนอง เอฟซี พบ สตูล ยูไนเต็ด ออกจากสนามนานถึง 6 ชั่วโมง และมีความพยายามจะทำร้ายผู้ตัดสิน เนื่องจากไม่พอใจการทำหน้าที่
นายวรานนท์ กล่าวว่า ก่อนที่จะมีการตัดสินลงโทษทีมระนองเอฟซี ตนได้เข้าไปพบกับนายวิมล กาญจนะ ประธานคณะกรรมการจัดการแข่งขันฟุตบอล “เอไอเอส ลีกภูมิภาค ดิวิชัน 2” และคณะกรรมการประมาณ 6 คน ซึ่งตนคิดว่าจะมีการเปิดวิดีโอถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ตนได้ชี้แจงข้อเท็จจริง แต่กลับเป็นว่า มีเจ้าหน้าที่เอากระดาษแผ่นเดียวให้นายวิมลอ่านบทลงโทษทีมระนองเอฟซีให้ตนฟัง โดยที่ไม่ได้ชี้แจงใดๆ ทั้งสิ้น
ตนถือว่าทีมระนองไม่ได้รับความเป็นธรรม และการลงโทษถือว่ารุนแรงมากทั้ง 5 ข้อ คือ
1.ห้ามตนยุ่งเกี่ยวกับฟุตบอลฯ ในรายการที่สมาคมฟุตบอลฯ จัดเป็นเวลา 5 ปี ปรับ 15,000 บาท
2.ห้าม ด.ต.ยรรยง จิตคงสง หัวหน้าโค้ชทีมระนองทำหน้าที่ 6 นัด หลังจากมีความพยายามทำร้ายผู้ตัดสิน พร้อมปรับ 10,000 บาท
3.ห้ามทีมระนอง เอฟซี ใช้สนามเหย้าในบ้านตลอดฤดูกาล ต้องหาสนามกลางที่ไม่ใช่ใน จ.ระนอง ใช้แทน
4.ลงโทษปรับสโมสร กรณีกองเชียร์พยายามทำร้ายผู้ตัดสิน 5,000 บาท ปาสิ่งของลงสนาม 5,000 บาท วิ่งเข้าไปในสนาม 5,000 บาท รวมถึงกรณีที่ปล่อยให้มีกลุ่มคนที่ไม่ใช่กองเชียร์ หรือเจ้าหน้าที่ ทำร้ายร่างกายผู้ตัดสิน อีก 50,000 บาท
5.ลงโทษปรับแพ้ทีมระนองจากที่เสมอ 1-1 เป็นแพ้ 0-2 จากกรณีวอล์กเอาต์ และยังถูกหักแต้มอีก 3 คะแนน ปรับ 50,000 บาท
นายวรานนท์ กล่าวด้วยว่า โดยเฉพาะโทษข้อ 5 ที่บอกว่าทีมระนองไม่ยอมแข่งขันต่อนั้นไม่จริง ที่จริงแล้ว นักเตะทุกคนอยู่ในสนาม กรรมการผู้ตัดสินไม่ยอมเป่านกหวีดเรียกเพื่อแข่งขันต่อเองต่างหาก และที่สำคัญ ไม่มีการทำร้ายใครในสนามแม้แต่คนเดียว สำหรับชนวนเหตุที่เกิดขึ้นมาจากนักเตะระนองถูกทำร้ายร่างกายที่ผู้ตัดสินในสนามไม่ได้เข้าไปแก้ไขปัญหา
ด้าน พล.ต.มนัส คงแป้น กล่าวว่า สโมสรระนองเอฟซี เล่นบอลมาด้วยความรักและสามัคคี ไม่มีผู้สนับสนุนหลัก มีเพียงผู้สนับสนุนย่อย ที่เข้ามาช่วยกันด้วยใจ ทั้งเหนื่อย ทั้งเปลืองตัว และเปลืองเงิน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องขอโทษต่อแฟนบอลชาวระนอง และแฟนบอลชาวไทยทั่วประเทศที่ทำให้บรรยากาศที่ไม่ดีเกิดขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องดูที่ความเป็นไปเป็นมาด้วย ขอยืนยันว่า มันมีเหตุจูงใจที่ทำให้เกิดความผิดพลาดขึ้นมา เพราะเป็นความผิดพลาดที่เกิดจากการตัดสินของกรรมการ
“ซึ่งไม่ใช่ว่าเกิดความผิดพลาดที่ระนองเป็นครั้งแรก แต่หลังจากทีมระนองเป็นทีมนำมา 4-5 นัด หลังจากนั้นทีมระนองถูกกดดันถูกเอาเปรียบมาตลอด จนนักเตะเล่นไม่ออก แม้ในเล่นในบ้านยังไม่สามารถรักษาความยุติธรรมได้ ซึ่งที่ผ่านมา ได้มีการประท้วงผลการตัดสินไปก็เงียบหาย ไม่ได้รับการแก้ไข จึงทำให้มีความกดดัน ถ้าคิดจะพัฒนาฟุตบอลของประเทศไปข้างหน้าทุกฝ่ายต้องเดินไปด้วยกัน ต้องให้อภัยซึ่งกันและกัน
อย่างไรก็ตาม ทางสโมสรจะมีการยื่นอุทธรณ์โทษต่อไปที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในทุกข้อ เพราะถือว่าโทษที่ตัดสินมารุนแรงมาก และอยากจะให้สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยลงไปหาข้อเท็จจริงที่ระนอง หรือจะให้ผู้ที่เกี่ยวข้องขึ้นไปที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยก็ได้ อย่าฟังความข้างเดียว จึงอยากให้มีการทบทวนการลงโทษทีมระนองเอฟซี”
ขณะที่นายคงกฤษ ฉัตรมาลีรัตน์ นายกสมาคมกีฬาจังหวัดระนอง กล่าวว่า ทีมระนองเอฟซีจะยังคงเดินหน้าต่อไป นักฟุตบอลทุกคนพร้อมลงแข่งขันเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่านักกีฬาทีมระนองเอฟซีไม่ได้ท้อแท้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยนัดต่อไปวันที่ 19 พฤษภาคม ระนองเอฟซีจะเดินทางไปแข่งที่สนามเป็นกลางสนามฟุตบอลสุราษฎร์ธานี โดยพบกับทีมพังงา เอฟซี ตามปกติ สำหรับประธานสโมสรที่ถูกแบน 5 ปีนั้น ทางสมาคมกีฬาจังหวัดระนองจะได้มีการพิจารณาหาบุคคลที่เหมาะสมมาทำหน้าที่ในเร็วๆ นี้ต่อไป
ส่วน ด.ต.ยรรยง จิตคงสง หัวหน้าผู้ฝึกสอน กล่าวว่า ตนไม่ได้มีความผิดตามที่ได้รับการลงโทษ วันเกิดเหตุ ตนได้พยายามเข้าไปไกล่เกลี่ยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งที่จริงแล้วคณะกรรมการและผู้ควบคุมการแข่งขันน่าจะขอบคุณตนเองด้วยซ้ำไป แต่พอโทษออกมากลับเป็นว่า ตนพยายามทำร้ายผู้ตัดสินซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ซึ่งตนจะได้เขียนรายงานข้อเท็จจริงอีกครั้งหนึ่งต่อไป
นายวารินสุปา กัปตันทีม กล่าวว่า นักเตะทุกคนในทีมมีความมุ่งมั่นในการฝึกซ้อมและจะเดินหน้าแข่งขันต่อไป ไม่ย่อท้อกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงขอแรงใจจากชาวระนองด้วย
ที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนแยก 1 จังหวัดระนอง นายวรานนท์ เกลื่อนสิน ประธานสโมสรฟุตบอลระนอง หรือระนองเอฟซี พร้อมด้วย พล.ต.มนัส คงแป้น ประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ระนองเอฟซี นายคงกฤษ ฉัตรมาลีรัตน์ นายกสมาคมฟุตบอลระนอง และ ด.ต.ยรรยง จิตคงสง โค้ช ได้เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนจังหวัดระนอง โดยมีนักฟุตบอล และแฟนคลับร่วมรับฟังด้วย
ทั้งนี้ เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีที่ทีมระนองเอฟซีถูกคณะกรรมการจัดการแข่งขันฟุตบอล “เอไอเอส ลีกภูมิภาค ดิวิชัน 2” สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ลงโทษ 5 ข้อ จากความผิดฐานประธานสโมสร “ฉลามอันดามัน” ระนอง เอฟซี นำแฟนบอลปิดล้อมไม่ให้ทีมงานผู้ตัดสินในเกม “เอไอเอส ลีกภูมิภาค ดิวิชัน 2” ที่สนามกีฬากลาง จ.ระนอง เมื่อวันที่ 13พฤษภาคม คู่ระหว่าง ระนอง เอฟซี พบ สตูล ยูไนเต็ด ออกจากสนามนานถึง 6 ชั่วโมง และมีความพยายามจะทำร้ายผู้ตัดสิน เนื่องจากไม่พอใจการทำหน้าที่
นายวรานนท์ กล่าวว่า ก่อนที่จะมีการตัดสินลงโทษทีมระนองเอฟซี ตนได้เข้าไปพบกับนายวิมล กาญจนะ ประธานคณะกรรมการจัดการแข่งขันฟุตบอล “เอไอเอส ลีกภูมิภาค ดิวิชัน 2” และคณะกรรมการประมาณ 6 คน ซึ่งตนคิดว่าจะมีการเปิดวิดีโอถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ตนได้ชี้แจงข้อเท็จจริง แต่กลับเป็นว่า มีเจ้าหน้าที่เอากระดาษแผ่นเดียวให้นายวิมลอ่านบทลงโทษทีมระนองเอฟซีให้ตนฟัง โดยที่ไม่ได้ชี้แจงใดๆ ทั้งสิ้น
ตนถือว่าทีมระนองไม่ได้รับความเป็นธรรม และการลงโทษถือว่ารุนแรงมากทั้ง 5 ข้อ คือ
1.ห้ามตนยุ่งเกี่ยวกับฟุตบอลฯ ในรายการที่สมาคมฟุตบอลฯ จัดเป็นเวลา 5 ปี ปรับ 15,000 บาท
2.ห้าม ด.ต.ยรรยง จิตคงสง หัวหน้าโค้ชทีมระนองทำหน้าที่ 6 นัด หลังจากมีความพยายามทำร้ายผู้ตัดสิน พร้อมปรับ 10,000 บาท
3.ห้ามทีมระนอง เอฟซี ใช้สนามเหย้าในบ้านตลอดฤดูกาล ต้องหาสนามกลางที่ไม่ใช่ใน จ.ระนอง ใช้แทน
4.ลงโทษปรับสโมสร กรณีกองเชียร์พยายามทำร้ายผู้ตัดสิน 5,000 บาท ปาสิ่งของลงสนาม 5,000 บาท วิ่งเข้าไปในสนาม 5,000 บาท รวมถึงกรณีที่ปล่อยให้มีกลุ่มคนที่ไม่ใช่กองเชียร์ หรือเจ้าหน้าที่ ทำร้ายร่างกายผู้ตัดสิน อีก 50,000 บาท
5.ลงโทษปรับแพ้ทีมระนองจากที่เสมอ 1-1 เป็นแพ้ 0-2 จากกรณีวอล์กเอาต์ และยังถูกหักแต้มอีก 3 คะแนน ปรับ 50,000 บาท
นายวรานนท์ กล่าวด้วยว่า โดยเฉพาะโทษข้อ 5 ที่บอกว่าทีมระนองไม่ยอมแข่งขันต่อนั้นไม่จริง ที่จริงแล้ว นักเตะทุกคนอยู่ในสนาม กรรมการผู้ตัดสินไม่ยอมเป่านกหวีดเรียกเพื่อแข่งขันต่อเองต่างหาก และที่สำคัญ ไม่มีการทำร้ายใครในสนามแม้แต่คนเดียว สำหรับชนวนเหตุที่เกิดขึ้นมาจากนักเตะระนองถูกทำร้ายร่างกายที่ผู้ตัดสินในสนามไม่ได้เข้าไปแก้ไขปัญหา
ด้าน พล.ต.มนัส คงแป้น กล่าวว่า สโมสรระนองเอฟซี เล่นบอลมาด้วยความรักและสามัคคี ไม่มีผู้สนับสนุนหลัก มีเพียงผู้สนับสนุนย่อย ที่เข้ามาช่วยกันด้วยใจ ทั้งเหนื่อย ทั้งเปลืองตัว และเปลืองเงิน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องขอโทษต่อแฟนบอลชาวระนอง และแฟนบอลชาวไทยทั่วประเทศที่ทำให้บรรยากาศที่ไม่ดีเกิดขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องดูที่ความเป็นไปเป็นมาด้วย ขอยืนยันว่า มันมีเหตุจูงใจที่ทำให้เกิดความผิดพลาดขึ้นมา เพราะเป็นความผิดพลาดที่เกิดจากการตัดสินของกรรมการ
“ซึ่งไม่ใช่ว่าเกิดความผิดพลาดที่ระนองเป็นครั้งแรก แต่หลังจากทีมระนองเป็นทีมนำมา 4-5 นัด หลังจากนั้นทีมระนองถูกกดดันถูกเอาเปรียบมาตลอด จนนักเตะเล่นไม่ออก แม้ในเล่นในบ้านยังไม่สามารถรักษาความยุติธรรมได้ ซึ่งที่ผ่านมา ได้มีการประท้วงผลการตัดสินไปก็เงียบหาย ไม่ได้รับการแก้ไข จึงทำให้มีความกดดัน ถ้าคิดจะพัฒนาฟุตบอลของประเทศไปข้างหน้าทุกฝ่ายต้องเดินไปด้วยกัน ต้องให้อภัยซึ่งกันและกัน
อย่างไรก็ตาม ทางสโมสรจะมีการยื่นอุทธรณ์โทษต่อไปที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในทุกข้อ เพราะถือว่าโทษที่ตัดสินมารุนแรงมาก และอยากจะให้สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยลงไปหาข้อเท็จจริงที่ระนอง หรือจะให้ผู้ที่เกี่ยวข้องขึ้นไปที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยก็ได้ อย่าฟังความข้างเดียว จึงอยากให้มีการทบทวนการลงโทษทีมระนองเอฟซี”
ขณะที่นายคงกฤษ ฉัตรมาลีรัตน์ นายกสมาคมกีฬาจังหวัดระนอง กล่าวว่า ทีมระนองเอฟซีจะยังคงเดินหน้าต่อไป นักฟุตบอลทุกคนพร้อมลงแข่งขันเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่านักกีฬาทีมระนองเอฟซีไม่ได้ท้อแท้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยนัดต่อไปวันที่ 19 พฤษภาคม ระนองเอฟซีจะเดินทางไปแข่งที่สนามเป็นกลางสนามฟุตบอลสุราษฎร์ธานี โดยพบกับทีมพังงา เอฟซี ตามปกติ สำหรับประธานสโมสรที่ถูกแบน 5 ปีนั้น ทางสมาคมกีฬาจังหวัดระนองจะได้มีการพิจารณาหาบุคคลที่เหมาะสมมาทำหน้าที่ในเร็วๆ นี้ต่อไป
ส่วน ด.ต.ยรรยง จิตคงสง หัวหน้าผู้ฝึกสอน กล่าวว่า ตนไม่ได้มีความผิดตามที่ได้รับการลงโทษ วันเกิดเหตุ ตนได้พยายามเข้าไปไกล่เกลี่ยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งที่จริงแล้วคณะกรรมการและผู้ควบคุมการแข่งขันน่าจะขอบคุณตนเองด้วยซ้ำไป แต่พอโทษออกมากลับเป็นว่า ตนพยายามทำร้ายผู้ตัดสินซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ซึ่งตนจะได้เขียนรายงานข้อเท็จจริงอีกครั้งหนึ่งต่อไป
นายวารินสุปา กัปตันทีม กล่าวว่า นักเตะทุกคนในทีมมีความมุ่งมั่นในการฝึกซ้อมและจะเดินหน้าแข่งขันต่อไป ไม่ย่อท้อกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงขอแรงใจจากชาวระนองด้วย