กระบี่ - ตำรวจภูธรกระบี่ แถลงผลการจับกุมแก๊งลักรถจักรยานยนต์ ส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน ผู้ต้องหา 5 คน ของกลางรถ จยย.กว่า 10 คัน พร้อมขยายผลจับเพิ่มอีก 1 คน เป็นเจ้าของอู่ซ่อมรถ ตร.เผยนำรถไปขายแล้วเป็นร้อยคัน
เมื่อเวลา 13.30 น.วันนี้ (10 พ.ค.) พล.ต.ต.จำรูญ รื่นรมย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ พ.ต.อ.บุญทวี โตรักษา รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่, พ.ต.อ.ทักษิณ โภชากรณ์ ผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่, พ.ต.ท.ชัชวาล นิลจันทร์ สว.สส.สภ.เมืองกระบี่, ร.ต.ท.สัญญา ธรรมรัตน์ รอง สว.สส.สภ.เมืองกระบี่ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนร่วมแถลงข่าวผลการจับกุมแก๊งลักรถจักรยายนต์ ได้ผู้ต้องหาจำนวน 6 คน ประกอบด้วย
นายชวลิต หรือบอย นวลจันทร์ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59 ม.2 ต.ทับปริก อ.เมือง จ.กระบี่, นายนภดล หรือปอนด์ วัฒนาชัยวรกุล อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 108/9 ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.กระบี่, นายเดชา หรือย้อย ทองทิพย์ อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 54 ม.3 ต.เขาพนม อ.เขาพนม จ.กระบี่
นายอัครเดช หรือปอ อุ่นนุช อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99 ม.1 ต.ทับปริก อ.เมือง จ.กระบี่, นายกอบกฤต งานแข็ง อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 226/134 ม.7 ต.ไสไทย อ.เมือง จ.กระบี่ และนายสุกิตต์ หรือเร (เจ้าของอู่ซ่อมรถ) ทับเที่ยง อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15 ถ.คงคา ต.ปากน้ำ อ.เมือง พร้อมของกลางรถจักรยายนต์ จำนวน 10 คัน ประกอบด้วย รถจักรยายนต์ฮอนด้าเวฟ หมายเลขทะเบียน กษร 103 กระบี่ ซึ่งเป็นรถที่ผู้ต้องหาใช้ก่อเหตุ รถจักรยายนต์ ฮอนด้าเวฟไม่มีทะเบียน จำนวน 3 คัน และรถจักรยายนต์ฮอนด้าคลิก ไม่มีทะเบียน 1 คัน นอกจากนั้น เป็นรถจักรยายนต์นำเข้ายี่ห้ออื่นๆ ที่ไม่มีทะเบียน อีกจำนวน 5 คัน
ทั้งนี้ ก่อนขยายผลการจับกุม นายสุกิตต์ หรือเร ทับเที่ยง ผู้ต้องหาซึ่งเป็นเจ้าของอู่ซ่อมรถไม่มีเลขที่ ตั้งอยู่ถนนเหมทานนท์ ต.ปากน้ำ เนื่องจากตำรวจได้รับแจ้งว่ามีเหตุขโมยรถจักรยานยนต์เกิดขึ้นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงออกทำการสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมตัวคนร้าย กระทั่งสืบทราบว่า นาย น. (นามสมมติ) อายุ 17 ปี อยู่บ้านเลขที่ 108/9 ถนนอุตรกิจ ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.กระบี่ และนายกอบกฤต งานแข็ง อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 226/134 ม.7 ต.ไสไทย อ.เมือง จ.กระบี่ เป็นคนก่อเหตุ จึงได้ติดตามจับกุม และสามารถจับกุมได้พร้อมรถของกลางที่ขโมยมา จึงนำตัวมาสอบสวน ซึ่งทั้ง 2 คนให้การว่านำรถไปขายที่ร้านซ่อมรถดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ได้ขอหมายศาลเข้าตรวจค้นเมื่อวานนี้ (9 พ.ค.) โดยจับกุมผู้ต้องหาได้อีก 3 คน ซึ่งให้การว่า นำรถของกลางที่ขโมยได้มาขายที่อู่ดังกล่าวในราคาคันละ 4,000-5,000 บาท เจ้าหน้าที่จึงได้ขยายผลติดตามจับกุมตัวได้ผู้ต้องหาเพิ่มอีก 1 คน คือนายสุกิตติ์ ซึ่งเป็นเจ้าของอู่ เจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันลักทรัพย์ของผู้อื่น (ในเวลากลางคืน) หรือรับของโจร ผู้ต้องหา 5 คนแรกรับสารถภาพแต่นายสุกิตติ์ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ขณะที่พ.ต.ท.ชัชวาล นิลจันทน์ สว.สส.สภ.เมืองกระบี่ เปิดเผยว่า ยังมีผู้ต้องหาที่หลบหนีอีก 1 คน คือตัวการสำคัญที่ยังหลบหนีการจับกุม ทราบชื่อคือ นายโน๊ต ซึ่งเป็นคนทำหน้าที่ลำเลียงรถส่งต่อไปยังจังหวัดระนอง จากการสืบสวน พบว่า แก๊งนี้ขโมยรถส่งไปขายแล้วไม่ต่ำกว่า 100 คันในรอบปีที่ผ่านมา โดยจะนำรถของกลางที่ขโมยใส่ในรถกระบะดัดแปลงเป็นห้องเย็น ส่งไปยังจังหวัดระนองเพื่อไม่เป็นที่สงสัย ก่อนจะลำเลียงต่อไปยังประเทศพม่า ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ขอหมายศาลจับกุมมาดำเนินคดีต่อไป
เมื่อเวลา 13.30 น.วันนี้ (10 พ.ค.) พล.ต.ต.จำรูญ รื่นรมย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ พ.ต.อ.บุญทวี โตรักษา รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่, พ.ต.อ.ทักษิณ โภชากรณ์ ผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่, พ.ต.ท.ชัชวาล นิลจันทร์ สว.สส.สภ.เมืองกระบี่, ร.ต.ท.สัญญา ธรรมรัตน์ รอง สว.สส.สภ.เมืองกระบี่ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนร่วมแถลงข่าวผลการจับกุมแก๊งลักรถจักรยายนต์ ได้ผู้ต้องหาจำนวน 6 คน ประกอบด้วย
นายชวลิต หรือบอย นวลจันทร์ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59 ม.2 ต.ทับปริก อ.เมือง จ.กระบี่, นายนภดล หรือปอนด์ วัฒนาชัยวรกุล อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 108/9 ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.กระบี่, นายเดชา หรือย้อย ทองทิพย์ อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 54 ม.3 ต.เขาพนม อ.เขาพนม จ.กระบี่
นายอัครเดช หรือปอ อุ่นนุช อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99 ม.1 ต.ทับปริก อ.เมือง จ.กระบี่, นายกอบกฤต งานแข็ง อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 226/134 ม.7 ต.ไสไทย อ.เมือง จ.กระบี่ และนายสุกิตต์ หรือเร (เจ้าของอู่ซ่อมรถ) ทับเที่ยง อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15 ถ.คงคา ต.ปากน้ำ อ.เมือง พร้อมของกลางรถจักรยายนต์ จำนวน 10 คัน ประกอบด้วย รถจักรยายนต์ฮอนด้าเวฟ หมายเลขทะเบียน กษร 103 กระบี่ ซึ่งเป็นรถที่ผู้ต้องหาใช้ก่อเหตุ รถจักรยายนต์ ฮอนด้าเวฟไม่มีทะเบียน จำนวน 3 คัน และรถจักรยายนต์ฮอนด้าคลิก ไม่มีทะเบียน 1 คัน นอกจากนั้น เป็นรถจักรยายนต์นำเข้ายี่ห้ออื่นๆ ที่ไม่มีทะเบียน อีกจำนวน 5 คัน
ทั้งนี้ ก่อนขยายผลการจับกุม นายสุกิตต์ หรือเร ทับเที่ยง ผู้ต้องหาซึ่งเป็นเจ้าของอู่ซ่อมรถไม่มีเลขที่ ตั้งอยู่ถนนเหมทานนท์ ต.ปากน้ำ เนื่องจากตำรวจได้รับแจ้งว่ามีเหตุขโมยรถจักรยานยนต์เกิดขึ้นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงออกทำการสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมตัวคนร้าย กระทั่งสืบทราบว่า นาย น. (นามสมมติ) อายุ 17 ปี อยู่บ้านเลขที่ 108/9 ถนนอุตรกิจ ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.กระบี่ และนายกอบกฤต งานแข็ง อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 226/134 ม.7 ต.ไสไทย อ.เมือง จ.กระบี่ เป็นคนก่อเหตุ จึงได้ติดตามจับกุม และสามารถจับกุมได้พร้อมรถของกลางที่ขโมยมา จึงนำตัวมาสอบสวน ซึ่งทั้ง 2 คนให้การว่านำรถไปขายที่ร้านซ่อมรถดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ได้ขอหมายศาลเข้าตรวจค้นเมื่อวานนี้ (9 พ.ค.) โดยจับกุมผู้ต้องหาได้อีก 3 คน ซึ่งให้การว่า นำรถของกลางที่ขโมยได้มาขายที่อู่ดังกล่าวในราคาคันละ 4,000-5,000 บาท เจ้าหน้าที่จึงได้ขยายผลติดตามจับกุมตัวได้ผู้ต้องหาเพิ่มอีก 1 คน คือนายสุกิตติ์ ซึ่งเป็นเจ้าของอู่ เจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันลักทรัพย์ของผู้อื่น (ในเวลากลางคืน) หรือรับของโจร ผู้ต้องหา 5 คนแรกรับสารถภาพแต่นายสุกิตติ์ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ขณะที่พ.ต.ท.ชัชวาล นิลจันทน์ สว.สส.สภ.เมืองกระบี่ เปิดเผยว่า ยังมีผู้ต้องหาที่หลบหนีอีก 1 คน คือตัวการสำคัญที่ยังหลบหนีการจับกุม ทราบชื่อคือ นายโน๊ต ซึ่งเป็นคนทำหน้าที่ลำเลียงรถส่งต่อไปยังจังหวัดระนอง จากการสืบสวน พบว่า แก๊งนี้ขโมยรถส่งไปขายแล้วไม่ต่ำกว่า 100 คันในรอบปีที่ผ่านมา โดยจะนำรถของกลางที่ขโมยใส่ในรถกระบะดัดแปลงเป็นห้องเย็น ส่งไปยังจังหวัดระนองเพื่อไม่เป็นที่สงสัย ก่อนจะลำเลียงต่อไปยังประเทศพม่า ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ขอหมายศาลจับกุมมาดำเนินคดีต่อไป