ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรยะลาเร่งเพาะพันธุ์กิ่งตายางพารา ให้เพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกรในพื้นที่ หลังราคายางพาราที่สูงขึ้น ส่งผลเกษตรกรหันมาปลูกยางพารากันเป็นจำนวนมาก และกิ่งพันธุ์ไม่เพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกร
นายพิชิต สพโชค ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรยะลากล่าวว่า หลังจากที่ยางพารามีราคาที่สูงขึ้นในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ส่งผลให้เกษตรกรในพื้นที่หันมาให้ความสนใจพลิกฟื้นพื้นที่การเกษตรของตนเอง จากที่เคยทำสวนผลไม้ ลองกอง ทุเรียน เงาะ มังคุด ก็หันมาปลูกยางพารากันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และทางศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรยะลาได้ลงพื้นที่สำรวจร่วมกับเกษตรกร พบว่าเกษตรกรมีความต้องการพันธุ์ยางที่ดี และทนสภาพอากาศในพื้นที่ได้ ดูแลรักษาง่าย
ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรยะลาจึงได้เพาะพันธุ์กิ่งยางพารา เพื่อเตรียมจำหน่ายให้แก่เกษตรกรในพื้นที่ในราคาถูก เป็นกิ่งตายางพาราที่ตรงตามพันธุ์ มีความสมบูรณ์และมีอัตราการรอดตายสูง โดยเกษตรกรก็จะนิยมกิ่งตายางพันธุ์ RRM600 และมีพันธุ์ใหม่ซึ่งเป็นพันธุ์แนะนำของสถาบันวิจัยยาง คือ พันธุ์สถาบันวิจัยยาง 251 และพันธุ์ BPM24
ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรยะลา ระบุว่า ในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ ก็เริ่มเปิดจำหน่ายกิ่งตาพันธุ์ยางให้แก่เกษตรกร ซึ่งมีทั้งที่เป็นกิ่งพันธุ์ตาเขียว และกิ่งพันธุ์ตาน้ำตาล โดยในปีทีผ่านมา ซึ่งได้เปิดจำหน่ายให้แก่เกษตรกร พบว่าจำหน่ายได้หมด และไม่เพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกร โดยกิ่งพันธุ์ยางตาเขียวจำหน่ายออก 8,500 กิ่ง ส่วนกิ่งพันธุ์ยางตาน้ำตาล 8,300 กิ่ง แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ และในปีนี้จะมีการเพิ่มปริมาณกิ่งพันธุ์ตายาง ทั้ง 2 ประเภท โดยกิ่งพันธุ์ยางตาเขียวจะเพิ่มอีก 12,000 กิ่ง ส่วนกิ่งพันธุ์ยางตาน้ำตาลก็จะเพิ่มมาอีก 8,000 กิ่ง ซึ่งก็ยังคงไม่เพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกรในพื้นที่
นายพิชิต สพโชค ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรยะลา กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผลผลิตน้ำยางที่จะได้นั้น พันธุ์ RRM600 จะได้น้ำยางที่ 290 กิโลกรัมต่อไร่ต่อปี ส่วนพันธุ์สถาบันวิจัยยาง 251 ก็จะเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 400 กว่ากิโลกรัมต่อไร่ต่อปี ส่วนพันธุ์ BPM24 ก็จะอยู่ระดับกลาง เกษตรกรท่านใดที่มีความสนใจจะติดต่อซื้อกิ่งพันธุ์ตายางพารา สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรยะลา หมายเลขโทรศัพท์ 0-7327-4451