ปัตตานี - ชาวบ้านใน ต.ทุ่งคล้า จ.ปัตตานี ต่างก็อยู่ในอาการโศกเศร้า และหวาดผวา หลังคนร้ายก่อเหตุยิงกำนันกับพวกรวม 4 ศพ ขณะบุตรสาวผู้เคราะห์ร้ายกลายเป็นเด็กกำพร้าพ่อและแม่อยู่อย่างลำบาก ด้านญาติผู้เสียชีวิตเผยไม่คิดแก้แค้น
จากเหตุกลุ่มคนร้ายอาวุธครบมือ ตามถล่มรถกำนัน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ต.ทุ่งคล้า หลังเสร็จจากการประชุมกำนันผู้ใหญ่บ้านประจำเดือน จนเสียชีวิตทั้งคันรวม 4 ศพ เหตุเกิดบนถนนทางหลวงสาย 42 นราธิวาส-ปัตตานี ม.6 บ.บาโงมูลง ต.เตราะบอน อ.สายบุรี เมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งชาวบ้านโดยเฉพาะบรรดาญาติๆ ของผู้เสียชีวิตต่างก็อยู่ในอาการโศกเศร้า และหวาดผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก เนื่องจากจุดเกิดเหตุ และจุดใกล้เคียงชาวบ้านไทยพุทธมักถูกซุ่มทำร้ายมาตั้งแต่วันที่ 13 เม.ย.-3 พ.ค. ที่ผ่านมา รวมแล้ว 13 ศพ
โดยทางญาตินำ 3 ศพ ประกอบด้วย นายสังวรณ์ สุวรรณราช กำนัน, นางสุภาพร เจริญสุข และ น.ส.พรทิพย์ โพธิ์เงิน ตั้งบำเพ็ญกุศลรวมกันที่วัดเตราะปริง ส่วนนายปรีชา ทองเอียด ญาติตั้งศพที่วัดทุ่งคล้า และจัดให้มีการสวดอภิธรรมศพแค่เพียง 3 วัน โดยกำหนดงานฌาปณกิจศพพร้อมกันในวันอาทิตย์ที่ 6 พ.ค.ที่จะถึงนี้
น.ส.กฤติกา เจริญสุข อายุ 23 ปี กล่าวทั้งน้ำตาว่า จากนี้ไปต้องอยู่อย่างลำบากมาก เพราะไม่มีเสาหลัก เหลืออยู่แต่น้องชาย เพราะพ่อก็เพิ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบไปไม่นาน แล้วแม่ก็มาเสียชีวิตอีก จึงไม่มีใครอีกแล้วก็ต้องอยู่กันไป 2 คน ขณะนี้ตนรู้สึกโกรธแค้นกลุ่มที่กระทำกับพ่อแม่ตนเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่รู้จะทำกับเขาอย่างไร เพราะเราก็ทำอะไรเขาไม่ได้
นายสวาท คงเสา อายุ 70 ปี ญาติผู้เสียชีวิตอีกรายหนึ่งกล่าวว่า เสียความรู้สึกและเสียใจที่ต้องสูญเสียกำนัน ตลอดจนผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน จนทำให้กำลังใจของชาวไทยพุทธในพื้นที่ขณะนี้ลดลงไปมาก คล้ายๆ กับว่าเราจะอยู่กันอย่างไร เพราะความปลอดภัยไม่ว่าจะไปทำงาน หรือออกไปประกอบอาชีพต่างๆ ก็มีอันตรายอยู่รอบด้านก็เป็นสิ่งที่น่ากลัว
อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์กลุ่มคนร้ายกราดยิงรถเมล์เล็กประจำทางในจุดเดียวกัน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 เม.ย. ที่ผ่านมา จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 7 คน ล่าสุด นางบุญจันทร์ จินธาดา อายุ 70 ปี ได้เสียชีวิตแล้ว เนื่องจากทนพิษบาดแผลไม่ไหว โดยญาติได้นำศพมาบำเพ็ญกุศลที่วัดมหิงสาราม