สุราษฎร์ธานี - เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี รวบแก๊งค้ายาเสพติดเครือข่ายเรือนจำกลางจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ผู้ต้องหาจำนวน 7 คน มีพยาบาลโรงพยาบาลเอกชนรวมอยู่ด้วย พร้อมของกลางยาไอซ์กว่าครึ่งกิโลกรัม มูลค่ากว่า 3 ล้านบาท
พล.ต.ต.วิฑูร ธรรมรักษา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.พรศักดิ์ นวลหนู รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อม พ.ต.อ.สุวัฒน์ สุขศรี ผกก.สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี พ.ต.ท.สุทธิ นิติอัครพงศ์ รอง ผกก.ป.สภ.เมือง แถลงผลการจับกุมแก๊งค้ายาเสพติดเครือข่ายค้ายาเสพติดผู้ต้องขังเรือนจำจังหวัดนครศรีธรรมราช
โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 7 คนประกอบด้วย นายวรชน ณ ลำปาง อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10 หมู่บ้านเลิศอุบล ซ.สวนสยาม 3 แยก 4 เขตคันนายาว กทม น.ส.พัชนีกร สมมะลวน อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 76/1 ถ.วัดโพธิ ต.ตลาด อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี น.ส.รัฎฐิมา ชนะสงคราม อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 248/44 ม.4 ถ.ดอนนก ต.มะขามเตี้ย อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี นายสามารถ ฉิมพลี อายุ 35 ปี 55/5 ม.6 ต.สระแก้ว อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช นายศุภชาติ อ่อนชื่นจิตร อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7/20 ถ.เจ้าฟ้า ต.ตลาดเหนือ อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายกฤตพนต์ ไชยรัตน์ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 66 ม.5 ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายฮาซีฟ กาซอ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3/1 ม.4 ต.เมามาวี อ.ยารัง จ.ปัตตานี และน.ส.อัสวานา ดือเระ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 95 ม.10 ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส พร้อมของกลางเป็นอาวุธปืนสั้นขนาด .38 เครื่องกระสุนปืน และยาไอซ์ น้ำหนักกว่าครึ่งกิโลกรัม มูลค่าเกือบ 3 ล้านบาท พร้อมยาบ้าอีกจำนวนหนึ่ง
พล.ต.ต.วิฑูร ธรรมรักษา กล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดเรือนจำกลางจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมี นายก้องภพ ผู้ต้องขังในเรือนจำกลางจังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นผู้โทรศัพท์สั่งยาเสพติด มีน.ส.อัสวานา พยาบาลวิชาชีพสังกัดโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง และนายฮาซีพ ผู้ช่วยพยาบาล ทำหน้าที่นำยาเสพติดมาจากกรุงเทพฯ มาส่งให้ นายศุภชาติ และนายกฤตพนต์ ซึ่งเป็นเอเยนต์ค้ายาเสพติดในพื้นที่ภาคใต้ตอนบนที่อาศัยอยู่ภายในตัวเมืองจังหวัดภูเก็ต เดินทางมารับของ และนำไปส่งขายให้เอเยนต์รายย่อยในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี กระบี่ พังงา และภูเก็ต
และเป็นที่น่าสังเกตว่า หลังจาก พล.ต.ต.รณพงษ์ ทรายแก้ว ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช นำกำลังเข้าตรวจค้นภายในเรือนจำในช่วงเช้าของวันที่ 1 พ.ค. และในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน ผู้ต้องขังยังสามารถใช้โทรศัพท์พูดคุยสั่งของกลางให้แก่เครือข่ายได้อีก (โดยมีภาพถ่ายวิดีโอ ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการบันทึกภาพวิดีโอที่เป็นหลักฐานที่สำคัญแสดงให้เห็นว่า ขบวนการดังกล่าวยังสามารถใช้โทรศัพท์ได้อีก ขณะทำการล่อซื้อนำมาเปิดเผยให้ผู้สื่อข่าวดูอีกด้วย )
