กระบี่ - ม็อบปาล์มน้ำมัน ต.คลองขนาน อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ ยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ขอให้จัดสรรที่ดินทำกินให้เกษตรกรยากไร้ ไม่มีที่ทำกินในตำบล พร้อมยื่นข้อเสนอขอเช่าที่ในราคาที่เป็นธรรมเหมือนนายทุน ด้านรองผู้ว่าฯ ปัดตอบเกษตรกรอยู่ในสวนปาล์มยืดเยื้อได้หรือไม่ ให้ถามกรมป่าไม้
นายสมาน แสงสอาด รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวถึงกรณีกลุ่มเกษตรกรที่เข้าไปอาศัยอยู่ภายในสวนปาล์มน้ำมันที่หมดสัมปทานในพื้นที่ ต.คลองขนาน อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ จำนวนกว่า 20 คน โดยใช้ชื่อกลุ่มว่า กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน นำโดยนายสายัณห์ สูน่าหู ตัวแทน ได้เดินทางไปที่ศาลากลางจังหวัดกระบี่ เพื่อยื่นหนังสือถึงนายประสิทธิ์ โอสถานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ติดตามความคืบหน้าการดำเนินการจัดสรรที่ดินทำกินให้เกษตรกรยากจน ที่ไม่มีที่ดินทำกิน และเพิ่มข้อเสนอขอเช่าที่หมดสัญญาสัมปทาน จำนวน 2 แปลง
นายสายัณห์ กล่าวว่า หลังจากเดินทางมายื่นหนังสือ เมื่อวันที่ 3 เมษายน55 ที่ผ่านมา เพื่อขอให้ทางจังหวัดจัดสรรที่ดินที่หมดสัมปทาน ให้แก่เกษตรกรที่ยากจน ทราบว่าทางจังหวัดได้มีการประชุมไปแล้ว 1 ครั้ง และที่อำเภอเหนือคลอง 3 ครั้ง ทุกครั้งไม่ได้มีการเชิญตัวแทนของกลุ่มเข้าร่วมแต่อย่างใด ทางจังหวัดไม่ได้ช่วยเหลือชาวบ้านที่ยากจนจริง และข้อมูลที่ทางจังหวัดส่งไปให้กลุ่มฯ ก็มีความคลาดเคลื่อน เรื่องยึดพื้นที่ ใน ม.6 ต.คลองขนาน อ.เหนือคลอง จำนวน 2 แปลง เนื้อที่ประมาณ 3,200 ไร่ แต่ทางจังหวัดไม่มีการดำเนินการให้ชาวบ้านเลย ชาวบ้านปักหลักชุมนุมในสวนปาล์มเกือบ 1 เดือนแล้ว
นายสายัณห์ กล่าวอีกว่า การยื่นหนังสือในครั้งนี้ ทางกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันที่ไม่มีที่ทำกิน มีอยู่จำนวนมากกว่า 800 คนแล้ว หากยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ทางกลุ่มก็จะดำเนินการยื่นเรื่องไปยังรัฐบาลเอง เพื่อขอเช่าที่สัมปทานเหมือนกับเอกชนในราคาที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้รัฐสูญเสียผลประโยชน์ และหลังจากนี้ ชาวบ้านก็จะกลับไปปักหลักยึดสวนปาล์มต่อไปจนกว่าจะได้รับการแก้ไข
นายสมาน กล่าวว่า สำหรับเรื่องการจัดสรรที่ดินสัมปทานที่หมดอายุสัมปทานให้แก่กลุ่มเกษตรกร ขณะนี้ ทางจังหวัดกำลังเร่งสำรวจข้อมูล และพื้นที่ แต่ยังไม่แล้วเสร็จสมบูรณ์ จึงยังไม่สามารถจัดสรร หรือดำเนินการใดๆ ได้กับที่ดินดังกล่าว ส่วนกรณีที่ชาวบ้านขออาศัยอยู่ในสวนปาล์มยืดเยื้อนั้น ทางจังหวัดไม่สามารถอนุญาตได้ ต้องให้กรมป่าไม้ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่เป็นผู้ชี้ขาดว่าจะให้อยู่ หรือจะให้ออก แต่หากเป็นไปได้ ก็อยากให้เกษตรกรกลับออกไปรอฟังข่าวอยู่ที่บ้านดีกว่า เพราะในสวนปาล์มที่พักไม่สบายเหมือนที่บ้าน