นครศรีธรรมราช - ชาวบ้านนับร้อยบุกล้อมบ้าน “เสธ.พจน์” พันโทเทียมนักลวงโลก ที่ชอบวางก้ามยิงปืนข่มขู่ทุกคืน เหตุการณ์หวิดบานปลาย ตร.เข้าคลี่คลายก่อนค้นบ้านยึดอาวุธปืนเพียบ
วันนี้ (19 เม.ย.) เมื่อเวลา 15.00 น. ชาวบ้านในชุมชนบ้านทุ่งจีน ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช จำนวนกว่า 200 คน ได้ฮือปิดถนนและเข้าปิดล้อม “บ้านภูมิพัฒน์” หรือบ้านเลขที่ 92/8 ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง หลังจากไม่พอใจนายวรพจน์ มาศเสมอ เจ้าของบ้านที่มีพฤติกรรมข่มขู่ชาวบ้านด้วยอาวุธปืน และยิงปืนขู่เป็นประจำ
หลังจากนั้น พ.ต.อ.สนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ รอง ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช, พ.ต.อ.สมพงศ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช, พ.ต.ท.โชควริทธิ์ รักษ์วัฒนพงศ์ รอง ผกก.ป., พ.ต.ท.สมชาย มวยดี สวป., พ.ต.ต.ปองภพ ประสบพิชัย สว.สส. กำลัง นปพ.จาก กก.สส.ภ.นครศรีธรรมราช ได้เข้าพื้นที่เกิดเหตุเพื่อคลี่คลายสถานการณ์
โดยเมื่อไปถึงนั้นพบว่า ชาวบ้านจำนวนมากได้ใช้ม้าหิน และเสาไม้ปิดถนนภายในซอยทางเข้าบ้านเลขที่ดังกล่าว และมีท่าทีไม่พอใจพร้อมที่จะฮือเข้าไปในบ้านของนายวรพจน์ มาศเสมอ โดยเจ้าหน้าที่ต้องเข้าไปควบคุมสถานการณ์เพื่อไม่ให้บานปลาย
นายสมชาย สระทอง หนึ่งในชาวบ้านที่เข้ามาร่วมปิดถนนสายดังกล่าว เปิดเผยว่า ชาวบ้านในชุมชนแห่งนี้ทนไม่ได้แล้ว เนื่องจาก นายวรพจน์ใช้อาวุธปืนยิงข่มขู่เป็นประจำ ตนซึ่งมีบ้านอยู่ติดกันไม่สามารถนอนอยู่ในบ้านได้ และล่าสุดนั้น นายวรพจน์ได้ใช้รถแบ็กโฮมาขุดต้นมังคุดหลังบ้านโดยวิสาสะ แถมยังข่มขู่ท้ายิงกันด้วยอาวุธปืน ไม่เฉพาะแต่ตนเองเท่านั้นหลายคนโดนเช่นเดียวกัน
นายสุรชัย จิกจำนง ชาวบ้านอีกราย เปิดเผยว่า ใครที่ขับรถผ่านหน้าบ้านหลังดังกล่าวนั้น นายวรพจน์พร้อมพวกจะพาอาวุธปืนเข้าไปข่มขู่ โดยอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่จะเข้าทำการตรวจค้น จนทุกคนเอือมระอา และหวั่นเกรงความไม่ปลอดภัยในชีวิต ทั้งนี้ นายวรพจน์มักอ้างว่าเป็นเสนาธิการทหารยศพันโท มีพฤติกรรมแสดงอำนาจบาตรใหญ่อยู่เสมอ
ต่อมา พ.ต.อ.สมพงศ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้ยื่นสำนวนขออนุมัติหมายค้นอย่างเร่งด่วนจากศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยศาลได้อนุมัติหมายค้นเลขที่ 106/2555 ลงวันที่ 19 เม.ย. 2555 อนุมัติให้ค้นบ้านหลังดังกล่าว
โดยเมื่อเจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการตรวจค้น พบว่า บริเวณประตูห้องกระจกมีการติดสติกเกอร์รายชื่อนายทหารชั้นผู้ใหญ่หลายนาย โดยระบุว่า เป็นที่ปรึกษาบริษัทกังสดาลซื่อสัตย์ซื่อตรงจำกัด ซึ่งเป็นบริษัทรับเหมาของนายวรพจน์ เช่น พล.อ.กิตติ รัตนฉายา พ.อ.สมชาย โปณะทอง หัวหน้ากองกิจการพลเรือน ทภ.4 เป็นต้น
และเมื่อเจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้นอย่างละเอียด พบอาวุธปืนขนาด 9 มม. จำนวน 3 กระบอก ขนาด .357 จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุนจำนวนมาก เครื่องแบบชุดขาวข้าราชการ เครื่องแบบนายทหารยศพันโท สายสะพายอาวุธปืนยาว แต่ไม่พบตัวอาวุธปืน เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจยึดเพื่อทำการตรวจสอบ และแจ้งนายทะเบียนอาวุธปืนเพื่อดำเนินการเพิกถอนใบอนุญาต
ส่วนนายวรพจน์และพวกนั้น เจ้าหน้าที่ได้คุมตัวโดยใช้รถยนต์บรรทุกผู้ต้องหาไปยัง สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของชาวบ้าน ซึ่งต่างพากันเดินทางไปยัง สภ.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีในกรณีที่ใช้รถแบ็กโฮขุดพื้นที่ดินเสียหาย
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า นายวรพจน์ มักแสดงตัวเป็นนายทหาร ชอบให้บุคคลอื่นที่ไม่รู้ประวัติเรียกชื่อว่า “เสธ.พจน์” หรือ “ผู้พันพจน์” เจ้าหน้าที่ตำรวจเคยจับกุมในความผิดอาวุธปืน และคดีอื่นๆ หลายครั้ง โดยผู้ที่ไม่รู้นั้นต่างเข้าใจว่านายวรพจน์เป็นนายทหารจริงๆ