รปภ.รับมือสงกรานต์หาดใหญ่ห้าม “รถติดแก๊ส” จอดห้าง-โรงแรม

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ตำรวจร่วมประชุมหารือกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยเมืองหาดใหญ่ เร่งฟื้นฟูการท่องเที่ยวก่อนสงกรานต์ รื้อมาตรการเก่าคุมมือถือ และซิมการ์ดมาใช้ ขณะเดียวกัน วางแผนไม่ให้รถยนต์ติดแก๊สเข้ามาจอดภายในห้างและโรงแรม และใช้สุนัขดมกลิ่นร่วมค้นหาสิ่งแปลกปลอม

วันนี้ (4 เม.ย.) ที่ห้องประชุมหอการค้า จ.สงขลา พล.ต.อ.ฉัตรชัย โปตระนันท์ ที่ปรึกษาสัญญาบัตร 10 ด้านป้องกัน และ ปราบปราม 5 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รับผิดชอบพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 8 และภาค 9, พล.ต.อ.สุวัฒน์ จันทร์อินธิกุล รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร.ประชุมร่วมกับ นายสุรชัย จิตภักดีบดินทร์ ประธานหอการค้าจังหวัดสงขลา และตัวแทนภาคธุรกิจใน อ.หาดใหญ่ ทั้งโรงแรม ศูนย์การค้า ธุรกิจส่งออกและธุรกิจนำเที่ยวและฝ่ายปกครอง จ.สงขลา เพื่อกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ ร่วมกัน และร่วมฟื้นฟูบรรยากาศการท่องเที่ยว สร้างความมั่นใจให้กแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ ทั้งมาเลเซีย และสิงคโปร์ โดยเฉพาะในระยะสั้นก่อนถึงช่วงเทศกาลสงกรานต์ จะมีการวางจุดตรวจเส้นทางหลัก และเส้นทางย่อยทั้ง 4 มุมเมืองหาดใหญ่กว่า 44 เส้นทางตลอด 24 ชั่วโมง

ภายหลังการประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมง พล.ต.อ.ฉัตรชัย โปตระนันท์ ที่ปรึกษา สัญญาบัตร 10 เปิดเผยว่า มาตรการที่ทั้งเจ้าหน้าที่และภาคธุรกิจจะเริ่มดำเนินการคือ จะมีการตั้งด่านตรวจบนถนนสายหลักทั้ง 4 สาย รวมทั้งสายรองและเส้นทางลัดอีกอย่างน้อย 40 เส้นทาง ตลอด 24 ชั่วโมง โดยเน้นการตรวจค้นรถยนต์ และบุคคลต้องสงสัยป้องกันการเข้ามาก่อเหตุ ใช้กำลังทั้งฝ่ายตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองเข้ามาร่วมกัน

นอกจากนี้ จะกำหนดโซนนิ่งพื้นที่ย่านเศรษฐกิจการค้ากลางเมืองหาดใหญ่ให้เป็นสัดส่วน และรถยนต์ที่ติดแก๊สห้ามลงไปจอดบริเวณชั้นใต้ดินของโรงแรมหรือศูนย์การค้าอย่างเด็ดขาด รวมทั้งตรวจเช็คสภาพความพร้อมของกล้องจรปิดทุกจุดในเมืองหาดใหญ่ว่ายังอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานหรือไม่ และนำสุนัขดมกลิ่นเข้ามาตรวจหาวัตถุระเบิดนอกเหนือจากเครื่องมือที่อาจไม่เพียงพอ

ทั้งนี้ จะมีการจัดอบรม รปภ.ตามสถานประกอบการต่างๆ เกี่ยวกับวิธีการตรวจและสังเกตรถต้องสงสัย และป้ายทะเบียนปลอมซึ่งจะจัดอบรมในวันที่ 10 เมษายนนี้

ด้านนายสุรชัย จิตภักดีบดินทร์ ประธานหอการค้า จ.สงขลา เปิดเผยว่า ขณะนี้ความสูญเสียทางเศรษฐกิจหลังเกิดระเบิดในหาดใหญ่ประมาณ 800 ล้านบาท เนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวไทยยกเลิกการเดินทางทั้งหมด ส่วนมาเลเซียยกเลิกไปบางส่วน เช่นเดียวกับนักธุรกิจชาวต่างชาติที่มีแผนจะเข้ามาดูงานในหาดใหญ่ก็ยกเลิกการเดินทางทั้งหมด หรือแม้แต่ภาคการขนส่งในภาคกลางก็มีการเรียกร้องเพิ่มเงินค่าเสี่ยงภัยและค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการขนสินค้าลงมาหาดใหญ่เพิ่มขึ้น เพราะไม่มีใครกล้าลงมา

แนะทำประกันภัยนักท่องเที่ยวคนละ 10 ล้าน

ทั้งนี้ ภาคธุรกิจโดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว ต้องการให้ภาครัฐประกันภัยให้แก่นักท่องเที่ยวคนละ 10 ล้าน กรณีเกิดเหตุวินาศกรรมเพื่อสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน การรักษาความปลอดภัยจะต้องครอบคลุมสถานที่สำคัญทุกแห่ง โดยเฉพาะสนามบิน ซึ่งพบว่าค่อนข้างหละหลวม จะเรียกตรวจเฉพาะรถเก๋ง ส่วนรถยนต์กระบะ และรถตู้ปล่อยให้เข้าไปอย่างง่ายดาย

ส่วนการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวนั้น จะมีการเชิญสื่อมวลชนมาเลเซียมาดูพื้นที่จริง และมาตรการต่างๆ ของเจ้าหน้าที่ เพราะข่าวที่ออกไปนั้นคลาดเคลื่อน และเสียหายโดยเฉพาะจำนวนผู้เสียชีวิต สื่อมาเลเซียบอกว่าเหตุระเบิดที่หาดใหญ่มีผู้เสียชีวิตมากถึง 14 คน

ยกระดับรถหายเป็นคดีสำคัญ-คุมมือถือ/ซิมการ์ด

ด้าน พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิงปรีชา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากนี้ไปไปคดีรถยนต์หายในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะต้องยกให้เป็นคดีสำคัญ เนื่องจากรถยนต์ที่นำมาใช้ก่อเหตุเป็นรถที่ถูกขโมยมาทั้งสิ้น และรถที่ได้มีการแจ้งหายจะต้องมีการรวบรวมทำเป็นพ็อกเกตบุ๊กเพื่อแจกจ่ายให้แก่ตำรวจสายตรวจและฝ่ายปราบปราม

รวมทั้งต้องทำเป็นไวนิลติดไว้ตามจุดตรวจต่างๆ เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบได้ง่ายขึ้น และจะต้องมีการทำประวัติอู่ซ่อมรถทุกแห่งในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะรถยนต์ที่ขโมยไปบางส่วนจะนำไปเปลี่ยนสีรถ ขณะที่สินค้าบางตัว เช่น ซิมการ์ด หรือโทรศัพท์มือถือ ก็จะต้องปรับให้เป็นสินค้าที่มีการควบคุม เพราะเหตุร้ายที่เกิดขึ้นต้องยอมรับว่าผู้ประกอบการค้ามีความหละหลวมเช่นกัน