ศูนย์ข่าวภูเก็ต - กรมทรัพย์สินทางปัญญา ร่วมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมศุลกากร กรมสอบคดีพิเศษ ทำลายของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่คดีถึงที่สุดแล้วกว่า 80,000 ชิ้น มูลค่ากว่า 182 ล้านบาท สร้างความเชื่อมั่นสินค้าไม่กลับสู่ตลาดหรือส่งออกนอกประเทศแน่
เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ (29 มี.ค.) ที่บริเวณเตาเผาขยะเทศบาลนครภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในพิธีทำลายของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่คดีถึงที่สุดแล้ว ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง กรมสอบสวนคดีพิเศษ และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา โดยมีผู้แทนสำนักงานทรัพย์สินทางปัญญาอาเซียนมาร่วมเป็นสักขีพยาน
และร่วมกันทำลายสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ละเมิดเครื่องหมายการค้า ซึ่งมีทั้งกระเป๋า เสื้อผ้า แว่นตา นาฬิกา รองเท้า เสื้อกีฬา เครื่องหนัง แผ่นซีดี และอื่นๆ ที่เลียนแบบสินค้ายี่ห้อดังหลายยี่ห้อด้วยกัน ซึ่งของกลางที่นำมาทำลายในวันนี้ มีจำนวนทั้งสิ้น 80,524 ชิ้น ซึ่งเป็นของกลางที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 และสำนักงานศุลกากรภาค 4 จับกุมมาได้ รวมมูลค่าสินค้าที่นำมาทำลายมูลค่ากว่า 182 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม นอกจากจะมีการร่วมกันทำลายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยังได้มอบป้ายประชาสัมพันธ์ “STOP PIRACY-BUY ORIGINAL NOW ไม่ซื้อขาย ไม่ใช้ของปลอม” มอบให้กับ ด่านศุลกากรภูเก็ต ด่านศุลกากรท่าอากาศยานภูเก็ต กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อใช้สำหรับตั้งแสดงเตือนไม่ให้มีการซื้อขาย ใช้สินค้าที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
นอกจากนั้น ยังจังให้มีการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ไม่ซื้อไม่ขายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ที่บริเวณหาดป่าตอง กะตะ และ กะรน ด้วย เพื่อประชาสัมพันธ์ต่อต้านการจำหน่าย และไม่ซื้อสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการด้านการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และลดแรงกดดันหรือการตอบโต้ทางการค้าจากประเทศคู่ค้าอีกด้วย
นายภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า สินค้าที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาเหล่านี้เป็นของผิดกฎหมายและจะต้องนำมาทำลาย ซึ่งการทำลายของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่คดีถึงที่สุดแล้ว ถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการปราบปรามที่จะต้องดำเนินการอย่างโปร่งใส และตรวจสอบได้ เพี่อสร้างความมั่นใจให้กับเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาว่าจะไม่มีสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญากลับไปสู่ท้องตลาด หรือส่งออกไปยังต่างประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับความตกลงว่าด้วยสิทธิในทรัพย์ทางปัญญาที่เกี่ยวกับการค้า
เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ (29 มี.ค.) ที่บริเวณเตาเผาขยะเทศบาลนครภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในพิธีทำลายของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่คดีถึงที่สุดแล้ว ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง กรมสอบสวนคดีพิเศษ และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา โดยมีผู้แทนสำนักงานทรัพย์สินทางปัญญาอาเซียนมาร่วมเป็นสักขีพยาน
และร่วมกันทำลายสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ละเมิดเครื่องหมายการค้า ซึ่งมีทั้งกระเป๋า เสื้อผ้า แว่นตา นาฬิกา รองเท้า เสื้อกีฬา เครื่องหนัง แผ่นซีดี และอื่นๆ ที่เลียนแบบสินค้ายี่ห้อดังหลายยี่ห้อด้วยกัน ซึ่งของกลางที่นำมาทำลายในวันนี้ มีจำนวนทั้งสิ้น 80,524 ชิ้น ซึ่งเป็นของกลางที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 และสำนักงานศุลกากรภาค 4 จับกุมมาได้ รวมมูลค่าสินค้าที่นำมาทำลายมูลค่ากว่า 182 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม นอกจากจะมีการร่วมกันทำลายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยังได้มอบป้ายประชาสัมพันธ์ “STOP PIRACY-BUY ORIGINAL NOW ไม่ซื้อขาย ไม่ใช้ของปลอม” มอบให้กับ ด่านศุลกากรภูเก็ต ด่านศุลกากรท่าอากาศยานภูเก็ต กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อใช้สำหรับตั้งแสดงเตือนไม่ให้มีการซื้อขาย ใช้สินค้าที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
นอกจากนั้น ยังจังให้มีการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ไม่ซื้อไม่ขายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ที่บริเวณหาดป่าตอง กะตะ และ กะรน ด้วย เพื่อประชาสัมพันธ์ต่อต้านการจำหน่าย และไม่ซื้อสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการด้านการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และลดแรงกดดันหรือการตอบโต้ทางการค้าจากประเทศคู่ค้าอีกด้วย
นายภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า สินค้าที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาเหล่านี้เป็นของผิดกฎหมายและจะต้องนำมาทำลาย ซึ่งการทำลายของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่คดีถึงที่สุดแล้ว ถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการปราบปรามที่จะต้องดำเนินการอย่างโปร่งใส และตรวจสอบได้ เพี่อสร้างความมั่นใจให้กับเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาว่าจะไม่มีสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญากลับไปสู่ท้องตลาด หรือส่งออกไปยังต่างประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับความตกลงว่าด้วยสิทธิในทรัพย์ทางปัญญาที่เกี่ยวกับการค้า
