นครศรีธรรมราช - ส.ส.ปชป.จี้ มท.1 จัดการ “ผู้ว่าฯ นครฯ” เจ้ากี้เจ้าการจัดให้ “ไอ้ตู่” และบรรดาแกนนำ นปช.เปิดหมู่บ้านเสื้อแดงในพื้นที่ แถมพ่วงด้วยการตั้งเวทีปราศรัยให้รุมก่นด่าคนใต้โง่ และมืดบอดที่เลือกแต่พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมอัดให้ชี้แจงชัดๆ เป็นนโยบายของรัฐบาลหรือไม่
วันนี้ (25 มี.ค.) ที่ จ.นครศรธรรมราช นายวิทยา แก้วภราดัย ส.ส.นครศรีธรรมราช อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยถึงกรณี นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้แสดงตัวสนับสนุนกลุ่มคนเสื้อแดงอย่างออกหน้าออกตา โดยนำข้าราชการในจังหวัดไปต้อนรับ และอำนวยความสะดวกคณะของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยแกนนำคนเสื้อแดงหลายคนถึงสนามบิน และร่วมคณะเดินทางไปเปิดหมู่บ้านเสื้อแดงในพื้นที่ด้วยกัน โดยทำหน้าที่ประธานในพิธีเปิดเองด้วย เมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา ว่า ตนขอเรียกร้องให้ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยสอบสวนเรื่องนี้
“การที่ผู้ว่าฯ ไปทำตัวเป็นเจ้าภาพจัดการให้เปิดหมู่บ้านเสื้อแดง ในส่วนตัวผมอยากจะเรียนไปยังท่านผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ว่า ส.ส.นครศรีธรรมราช และ ส.ส.ภาคใต้ทุกคน ไม่เคยมีปัญหากับผู้ว่าฯ ไม่ว่ารัฐบาลชุดไหนมาบริหาร หรือใครจะเป็นผู้ว่าฯ จังหวัดใดในภาคใต้ เพราะเราให้เกียรติผู้ว่าฯ ทุกคนที่ทำตามนโยบายรัฐบาล”
นายวิทยา กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยคนปัจจุบัน ก็เคยเป็นผู้ว่าฯ นครศรีธรรมราช มาก่อน และเคยบอกว่า นโยบายหมู่บ้านเสื้อแดงไม่ใช่นโยบายรัฐบาล การกระทำของผู้ว่าฯ ครั้งนี้ ดูเหมือนว่า จะทำเกินนโยบายรัฐบาล และเข้าไปยุ่งเกี่ยวการเมือง เพราะหมู่บ้านเสื้อแดงเป็นเรื่องของพรรคเพื่อไทย ถ้าสวมเสื้อผู้ว่าฯ แล้วดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล พวกตนจะให้เกียรติ แต่ยังเป็นผู้ว่าฯ แล้วเอาเสื้อพรรคการเมืองมาสวมเมื่อไหร่จะไม่ได้รับเกียรติอย่างแน่นอน
“ยิ่งท่านเคยเป็นนายอำเภอจากที่นี่ เวลานี้ปล่อยให้คนที่ไหนก็ไม่รู้ขึ้นมาขึ้นเวทีด่าคนใต้ ซึ่งพ่อแม่คนที่ด่าก็อาจจะเป็นคนใต้ด้วย อย่าปฏิเสธว่าไม่ได้ด่า เพราะขึ้นเวทีกัน 4-5 คน มีแต่วาจากักขฬะทั้งนั้นที่ออกมาจากปากคนพวกนี้ ถ้าท่านผู้ว่าฯ ตั้งใจจะเล่นการเมืองก็ควรสวมเสื้อพรรคเพื่อไทย มาลงสนามต่อสู้กับพวกตนที่สวมเสื้อพรรคประชาธิปัตย์ นอกจากนี้ คนที่ผู้ว่าฯ เกณฑ์ให้ไปร่วมเปิดหมู่บ้านเสื้อแดง เขายังเตือนผู้ว่าฯ ด้วย จะขนเสื้อแดงกี่คนมาปราศรัยแล้วฟังกันเองไม่มีใครว่า แล้วผู้ว่าฯ ควรถอยไปห่างๆ ผู้การฯ ก็ต้องถอยไปไกลๆ เพราะไม่ใช่หน้าที่พวกท่าน” นายวิทยา กล่าวและเสริมว่า
ตนขอเรียกร้องให้กระทรวงมหาดไทยสอบสวนเรื่องราวทั้งหมด และชี้แจงต่อประชาชนว่า หมู่บ้านเสื้อแดง คือ นโยบายรัฐบาลหรือไม่ ถ้าเล่นสร้างหมู่บ้านเสื้อแดงให้คนขัดแย้งกันทางการเมือง เอารูปพระเจ้าอยู่หัวลง แล้วเอารูป พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขึ้นแทนที่ คิดว่า จะสร้างศึกครั้งใหญ่ให้กับประเทศนี้ หรือจะประลองกำลังกันดูก่อนที่ จ.นครศรีธรรมราช ตนพร้อมจะรับคำท้าพวกเสื้อแดงทุกคน รวมทั้งผู้ว่าฯ ด้วย ขอส่งข่าวเตือนไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยให้รีบดำเนินการ ก่อนที่จะลุกลามกันไปมากกว่านี้
นายวิทยา ยังกล่าวต่อว่า การเปิดหมู่บ้านที่ว่านั้น อยากให้นายจตุพร ออกมาบอกว่าไม่ใช่การสร้างหมู่บ้านเสื้อแดง ให้ผู้ว่าฯ ออกมายืนยันว่า ไม่ใช่หมู่บ้านเสื้อแดง เพราะข่าวที่ออกมานั้นสอดคล้องกันว่า คณะของนายจตุพรมาร่วมมือกับคณะของผู้ว่าฯ เปิดหมู่บ้านเสื้อแดงที่ จ.นครศรีธรรมราช ขอให้ทุกคนปฏิเสธว่าไม่ใช่ ถ้าเป็นลูกผู้ชายทั้งคู่ก็ให้ปฏิเสธมา หากปฏิเสธได้ก็เลิกกันไป แต่ถ้าเป็นหมู่บ้านเสื้อแดงก็ต้องชี้แจงเรื่องทั้งหมดกันให้ได้
“ท่านผู้ว่าฯ ควรจะรู้ว่าที่ผ่านเอารถไปรับ ไปนำขบวนนั้น ทั้งหมดเป็นแกนนำเสื้อแดง เป็นคนอยู่ในขบวนการเสื้อแดง ทั้งที่เป็น ส.ส.เป็นอดีตเลขารัฐมนตรี เป็นผู้นำม็อบ ล้วนปนกันอยู่ในคณะนั้นหมด แล้วเอารถไปนำนั้นเหมาะสมหรือไม่ ทำตามนโยบายใคร เทปทั้งหมดผมจะดูแล้ว คนที่พูดคงต้องรับผิดชอบกัน เพราะคนที่พูดทั้งหมด 4-5 คนนั้น พ่อแม่เป็นคนใต้หมด การปราบปรามยาเสพติดเป็นเรื่องที่ดี แต่จะเล่นการเมืองก็ว่าไป การปราบยาเสพติดต้องไม่ไปฆ่าตัดตอนใคร เพราะผิดกฎหมาย ที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีทำเวลานี้เป็นเรื่องดีที่น่าชื่นชม เอาจริงเอาจัง แต่อย่าไปโบ้ยคนนั้นค้ายา คนนี้ค้ายา แต่ควรหันไปดูหลังบ้านตัวเองให้ดีเหมือนกัน” นายวิทยา กล่าว
ทั้งนี้ คณะของนายจตุพร ที่เดินทางมาวันนั้น ประกอบด้วย นายอารีย์ ไกรนรา เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ) นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายฐานิสร์ เทียนทอง นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย และบรรดาแกนนำ นปช.อีกหลายคน ซึ่งได้ร่วมกันคณะของผู้ว่าฯ เปิดหมู่บ้านเสื้อแดงที่หมู่บ้านเก้ากอ ม.1 ต.ทอนหงส์ อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช โดยเพียงการเปลี่ยนชื่อจากหมู่บ้านเสื้อแดง เป็นหมู่บ้านประชาธิปไตยต่อต้านยาเสพติด เนื่องจากต้องการลดแรงเสียดทานจากคนในพื้นที่ อีกทั้งยังมีการสลับกันขึ้นปราศรัยบนเวทีด้วยถ้อยคำรุนแรง อาทิ นายจตุพร ระบุว่า คนใต้โง่ มืดบอด ที่เลือกพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนนายยศวริสปราศรัยด้วยถอ้ยคำสบถและหยาบคายตลอด เป็นต้น
