ตรัง - เจ้าหน้าที่สนธิกำลังบุกตรวจสอบตอไม้หวงห้ามหลังยึดของกลางมาได้จำนวนมาก พบไม้ที่ถูกตัดโค่นเพิ่มเติมในที่ดิน ส.ป.ก.อีกกว่า 50 ท่อน สั่งอายัดและห้ามเคลื่อนย้ายใดๆ
เมื่อเวลา 07.30 น. วันนี้ (19 มี.ค.) นายพรชัย ช่วยรัตน์ หัวหน้าฝ่ายอนุรักษ์และส่งเสริมสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.ตรัง นำกำลังเจ้าหน้าที่กองร้อย อส.จ.ตรังที่ 1 ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบตอไม้ในบริเวณที่ดินของนายแบน แสงศรีจันทร์ ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ที่ 3 ต.ไม้ฝาด อ.สิเกา หลังจากเมื่อคืนวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้อายัดไม้เคี่ยม ซึ่งเป็นไม้หวงห้ามจำนวน 57 ท่อน มูลค่ากว่า 1 แสนบาท ได้ที่บริเวณริมถนนสายตรัง-สิเกา หมู่ที่ 1 ต.บางรัก อ.เมืองตรัง แต่ทางผู้ต้องหาทั้ง 3 คนได้อ้างว่าเป็นไม้ที่ตัดมาจากที่ดินมีเอกสารสิทธิ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ก่อสร้างอาคาร ร.ร.ปอเนาะ ต.คลองเฉลิม อ.กงหรา จ.พัทลุง
ทั้งนี้ นายแบนได้นำหลักฐานการครอบครองที่ดิน และพาเจ้าหน้าที่ไปตรวจตอไม้ที่ตัดจากในที่ดินดังกล่าว ซึ่งพบร่องรอยการตัดไม้ในแปลงที่ดินดังกล่าวจริง ดังนั้น ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ทำบันทึกไว้เป็นหลักฐานก่อนจะปล่อยตัวไป ก่อนที่จะเข้าไปตรวจสอบที่ดินอีกแปลงในพื้นที่หมู่ที่ 3 ต.ไม้ฝาด อ.สิเกา ซึ่งอยู่ห่างจากแปลงที่ดินของนายแบน ประมาณ 1 กม. พบไม้เคี่ยม ไม้หว้า และไม้นนท์ ซึ่งเป็นไม้หวงห้ามที่ถูกตัดโค่นแล้วกองอยู่ประมาณ 50 ท่อน มูลค่าประมาณ 5 แสนบาท ห่างออกไปอีก 100 เมตร ยังพบต้นไม้ถูกตัดโค่น และมีร่องรอยการเผาตอในเนื้อที่ประมาณ 6 ไร่ พร้อมทั้งยังพบไม้ต้นปีก ไม้พรมพรต และไม้ตำเสา ตั้งกองอยู่อีก 7 ท่อน
จากการสอบถามทราบว่า ที่ดินแปลงดังกล่าวมีเอกสารสิทธิเป็น ส.ป.ก.4-01 โดยทางเจ้าของได้ว่าจ้างตัดโค่นไม้หวงห้ามทั้งหมดที่ขึ้นในแปลง โดยอ้างว่าเพื่อนำไปใช้ก่อสร้างบ้านพักที่อยู่อาศัย แต่เจ้าหน้าที่ระบุว่าเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น และเชื่อว่าน่าจะตัดโค่นเพื่อนำไปขายมากกว่า
นอกจากนั้น เจ้าของที่ดินแปลงดังกล่าวยังอ้างอีกว่าก่อนหน้านี้ได้เข้าไปสอบถาม นายเปลื้องรัตนฉวี ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.ตรัง แล้ว และอนุญาตให้ตัดโค่นไม้ได้ ซึ่งไม่เป็นความจริงใดๆ ทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบความผิดปกติหลายอย่าง โดยเฉพาะการพบไม้หวงห้ามขนาดใหญ่จำนวนมาก และมีร่องรอยการเร่งรีบเผาตอไม้จนมีพิรุธ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้อายัดไม้ของกลางทั้งหมด และสั่งห้ามทำการเคลื่อนย้ายใดๆ พร้อมทั้งจะประสานเจ้าหน้าที่ป่าไม้ในพื้นที่ อ.สิเกา เข้าจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดีต่อไป เนื่องจากเข้าข่ายกระทำผิดตามกฏหมายป่าไม้มาตรา 11 ข้อหาทำไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต และมาตรา 69 ข้อหามีไม้หวงห้าม และไม่มีรอยตราเจ้าพนักงานป่าไม้ แม้ว่าไม้นั้นจะขึ้นอยู่ในที่ดินที่มีเอกสารสิทธิเป็น ส.ป.ก.4-01 ก็ตาม แต่ก็ห้ามดำเนินการใดๆ นอกจากทำกินในที่ดินดังกล่าวเท่านั้น
