xs
xsm
sm
md
lg

ดีเอสไอ ลงตรวจสอบโรงแรมใน ม.ศรีวิชัย ข้อหาบุกรุกป่าชายเลน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ตรัง - ดีเอสไอ บุกตรวจสอบโรงแรมดัง ในมหาวิทยาเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง หลังมีการร้องเรียนเรื่องความมิชอบของรักษาการอธิการบดีและพวกใน 3 ประเด็น

วันนี้ (13 มี.ค.) นายวรพงศ์ มีคุณเอี่ยม พนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานสืบสวนคดีที่มีการร้องเรียน รศ.ประชีพ ชูพันธ์ รักษาการอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง (มทร.) กับพวก ในขณะนั้น กระทำความผิดบุกรุกป่าชายเลนและก่อสร้างอาคารที่พักโรงแรมของ มทร.ศรีวิชัยตรัง ได้นำเจ้าหน้าที่ 6 คน ลงพื้นตรวจสอบการก่อสร้างโรงแรม ในหาดราชมงคล ต.ไม้ฝาด อ.สิเกา พร้อมกับเรียกพยานที่เกี่ยวข้องในคดีดังกล่าวสอบปากคำ โดยได้แยกสอบเป็นรายบุคคล ทั้งที่ที่ว่าการอำเภอสิเกา และที่ อบต.ไม้ฝาด

นายวรพงศ์ มีคุณเอี่ยม พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานสืบสวน เปิดเผยว่า ทางดีเอสไอได้รับการร้องเรียนเรื่องดังกล่าวจากชาวบ้านตั้งแต่ปี 2553 ซึ่งต่อมาทางพนักงานสอบสวน สภ.สิเกา ได้ดำเนินคดี รศ.ประชีพ ในประเด็นการบุกรุกป่าชายเลนไปแล้ว และอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง เพราะไม่มีเจตนาในการบุกรุก

ทั้งนี้ เมื่อมีคำสั่งไม่ฟ้อง ทางดีเอสไอจึงเห็นควรยุติเรื่องดังกล่าว และไม่เข้าไปก้าวล่วง แต่จะดำเนินการสอบสวนหาข้อเท็จจริงในประเด็นการก่อสร้างโรงแรม ที่ใช้งบในการก่อสร้างสูงถึง 125.9 ล้านบาท นอกพื้นที่ได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้ ว่า มีการกระทำผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 (กฎหมายฮั้ว) ด้วยการสมยอมกันกับผู้รับเหมาหรือไม่

ซึ่งที่ผ่านมา เรื่องดังกล่าวคณะทำงานชุดเดิมได้มีการสอบสวนไปแล้ว และได้ถ่ายโอนภารกิจมอบหมายให้คณะทำงานที่มีตนเป็นหัวหน้าชุด ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า มีการกระทำผิดจริงหรือไม่ ส่วนพยานที่เรียกมาสอบปากคำนั้น ส่วนใหญ่เป็นคนเดิมที่เคยเรียกมาสอบแล้ว แต่อาจคนละประเด็นกับของตน ซึ่งล่าสุดได้เรียกสอบไปแล้วทั้งหมด 7 ปาก ทำให้มีความคืบหน้าไปแล้วกว่าร้อยละ 60

อย่างไรก็ตาม จากการที่เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นมานานแล้ว ประกอบกับเอกสารร้องเรียนมีจำนวนมาก จึงต้องใช้ระยะเวลาในการรวบรวมและตรวจสอบพอสมควร ซึ่งคาดว่า ภายในสิ้นเดือนมีนาคมนี้ น่าจะมีความชัดเจนในการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดเสนอต่อผู้บังคับบัญชา เพื่อพิจารณาว่าเรื่องดังกล่าวสามารถสอบสวนเป็นคดีพิเศษได้หรือไม่ สำหรับรายละเอียดในการสอบปากคำ ตนคงไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะจะไม่เป็นธรรมต่อผู้ถูกกล่าวหา

ส่วนจากนี้ไปจะเรียก รศ.ประชีพ มาสอบปากคำอีกหรือไม่นั้น นายวรพงศ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ทางคณะทำงานชุดก่อนได้เรียกมาสอบปากคำไปแล้ว ซึ่งตนก็มีข้อมูลระดับหนึ่ง ก็คงจะไม่เข้าไปก้าวล่วง แต่หากมีพยานหลักฐานใหม่เพิ่มเติมที่เชื่อได้ว่า รศ.ประชีพ มีเจตนากระทำความผิดจริง พนักงานสอบสวนในพื้นที่ก็สามารถนำคดีนี้มาสอบสวนใหม่ได้ แต่หากพยานหลักฐานเดิมมีเพียงพอแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเรียกมาสอบสวนอีก

นอกจากนั้น จะเข้าข่ายฮั้วหรือไม่นั้น ตนก็คงตอบไม่ได้ เพราะอยู่ในระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน และการที่จะกล่าวหาว่าเข้าข่ายฮั้วหรือไม่ ผู้ที่จะเข้าข่ายความผิดนั้นได้ต้องมีเจตนาด้วย เพราะบางครั้งเจ้าหน้าที่รัฐอาจทำผิดระเบียบ หรือไม่ถูกกฎหมาย แต่ไม่ได้หมายความว่า จะต้องกระทำความผิดเสมอไป ซึ่งอาจผิดระเบียบ แต่ไม่เข้าข่ายผิด พ.ร.บ.ดังกล่าวก็ได้ เพราะฉะนั้นตนในฐานะผู้รักษากฎหมาย ไม่ใช่มองฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหาด้วย และต้องแยกความผิดเป็นเรื่องๆ ไป

สำหรับการร้องเรียนคดีดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.2552 เมื่อชาวบ้าน ต.ไม้ฝาด อ.สิเกา จ.ตรัง ซึ่งนำโดย นายสมโชค ช่วยธานี ได้นำหลักฐานการกระทำผิดของ รศ.ประชีพ ร้องเรียนต่อสื่อมวลชน และสภา มทร. เพื่อให้สอบข้อเท็จจริง 3 ประเด็น คือ 1.กรณีบุกรุกครอบครองป่าสงวนแห่งชาติ ป่าคลองกะลาเส และป่าคลองไม้ตาย เพื่อปลูกปาล์มน้ำมันเป็นของตัวเอง จำนวน 40 ไร่ 2.กรณีเจตนาจงใจก่อสร้างโรงแรม โดยใช้งบในการก่อสร้างสูงถึง 125.9 ล้านบาท นอกพื้นที่ได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้

และ 3.กรณีเอื้อประโยชน์ให้ผู้รับเหมาในการประมูล โดยมีกรรมการลงนามเพียงคนเดียว และอาจมีการทุจริตขั้นตอนในกระบวนการอีอ็อคชั่น เพราะมีการดำเนินการแบบมีเงื่อนงำ โดยการแก้ไขถึง 2 ครั้ง หลังจากนั้น นายสมโชค และชาวบ้าน ยังได้รวมตัวประท้วงขับไล่ รศ.ประชีพ ออกจากพื้นที่ จนมีการร้องเรียนไปยังดีเอสไอ และนำไปสู่การลงพื้นที่สอบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าว ขณะที่ รศ.ประชีพ ออกมายืนยันในความบริสุทธิ์ของตนเองโดยตลอด
กำลังโหลดความคิดเห็น