นราธิวาส - 50 คนร้ายบุกโจมตีฐานทหารใน อ.บาเจาะ กลางดึกที่ผ่านมาพร้อมกัน 2 จุด พร้อมระเบิดเสาไฟฟ้าและตัดต้นไม้-โปรยตะปูเรือใบขวางเส้นทาง ทั้งนี้หลังปะทะกันนานร่วม 2 ชั่วโมง จนท.เจ็บ 12 นาย ส่วนคนร้ายอาศัยความมืดล่าถอยไป
วันนี้ (9 มี.ค.) เมื่อเวลา 00.30 น.กลางดึกที่ผ่านมา ร.ต.ท.ภัคคินัย ศรีเจริญ ร้อยเวร สภ.บาเจาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนร้ายบุกถล่มฐานทหารนาวิกโยธินจำนวน 2 จุด คือ ฐานปฏิบัติการณ์หมวดปืนเล็กที่ 2 กองร้อยปืนเล็กที่ 1 ชุดเฉพาะกิจนราธิวาส 32 ซึ่งตั้งอยู่บ้านส้มป่อย ม.4 ต.กาเยาะมาตี
จุดที่ 2 ที่กองบังคับการชุดเฉพาะกิจนราธิวาส 32 ซึ่งตั้งอยู่ภายในสำนักงานการประปาส่วนภูมิภาค เขตเทศบาลตำบลบาเจาะ ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บ 12 นาย ทรัพย์สินได้รับความเสียหายจำนวนหนึ่ง จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.นันทเดช ย้อยนวล รอง ผบก.ภ.จ.นราธิวาส น.อ.สมเกียรติ ผลประยูร ผบ.นย. น.ท.บัญญัติ วงศ์จำปา ผบ.ฉก.นราธิวาส 32 พ.ต.ท.กระจ่าง รักษ์ณรงค์ หน.กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส และเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด นปพ.จ.นราธิวาส รวมทั้งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่งรุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ทั้งนี้ ระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังเดินทางนั้น พบคนร้ายใช้เลื่อนยนต์ตัดต้นไม้ขวางถนน จำนวน 2 จุด คือ ที่บริเวณบ้านบูเก๊ะบากง ม.2 ต.ตะปอเยาะ อ.ยี่งอ และที่บริเวณบ้านส้มป่อยซึ่งห่างจากฐาน ประมาณ 500 เมตร พร้อมทั้งโปรยตะปูเรือใบ เจ้าหน้าที่จึงต้องเสียเวลาในการเคลียร์พื้นที่
จนกระทั่งถึงบริเวณหัวสะพานเขตเทศบาลตำบลบาเจาะ ซึ่งห่างจาก สภ.บาเจาะ ประมาณ 800 เมตร พบเสาไฟฟ้าริมถนนเพชรเกษมขาเข้า อ.บาเจาะ ถูกคนร้ายวางระเบิดจนหักโค่น เจ้าหน้าที่จึงจอดขบวนรถเพื่อตรวจสอบ พบว่าเสาไฟฟ้าถัดกันอีก 2 ต้น ซึ่งอยู่ติดกัน มีระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในกล่องเหล็กหนัก 10 กก.จุดชนวนด้วยการตั้งเวลาปลุกจากนาฬิกาข้อมือแบบดิจิตอด ถูกคนร้ายยึดไว้กับเหล็กเส้น เจ้าหน้าที่จึงได้กันผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องออกห่าง ก่อนที่จะใช้ปืนในการยิงทำลายทั้ง 2 จุด ซึ่งต้องใช้เวลานานร่วม 2 ชั่วโมง จึงจะเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุได้
โดยในจุดแรก เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบภายในฐานปฏิบัติการณ์ทหารหมวดปืนเล็กที่ 2 กองร้อยปืนเล็กที่ 1 ฉก.นราธิวาส 32 พบว่าบริเวณที่จอดยานพาหนะซึ่งสร้างอยู่ตรงกลางฐาน ถูกคนร้ายยิงเอ็ม.79 เข้าใส่ จนหลังคาสังกะสีได้รับความเสียหาย เกิดเพลิงไหม้ และถล่มลงมาจนไฟลุกลามรถจักรยานยนต์ที่จอดไว้ ได้รับความเสียหาย 3 คัน โดยถูกไฟคลอกจนเหลือแต่ซากรถ
นอกจากนี้ บริเวณฝาผนังอาคารน็อคดาวน์มีร่องรอยถูกกระสุนปืนของคนร้ายได้รับความเสียหายหลายหลัง และกระสอบทรายที่ใช้ทำเป็นบังเกอร์หน้าฐานยังถูกกระสุนปืนของคนร้ายเป็นรูพรุน ทั้งนี้ จากการตรวจสอบบริเวณสวนมะพร้าวหน้าฐาน เจ้าหน้าที่ยังพบโทรโข่ง รวมทั้งคีมตัดเหล็กของคนร้ายตกอยู่ จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปตรวจสอบที่กองบังคับการชุดเฉพาะกิจนราธิวาส 32 พบว่าที่บริเวณลานเอนกประสงค์หน้ากองบังคับการ มีร่องรอยลูกกระสุนปืนเอ็ม 79 ตกอยู่จำนวน 1 จุด และทรัพย์ได้รับความเสียหายเล็กน้อย
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุได้มีคนร้าย จำนวน 50 คน พร้อมอาวุธปืนครบมือ แยกกำลังออกเป็น 3 ชุด ชุดแรกได้กระจายกำลังกันโอบล้อมแล้วใช้อาวุธปืนเอ็ม 79 และอาวุธปืนสงครามยิงเข้าใส่ฐานปฏิบัติการณ์ทหารหมวดปืนเล็กที่ 2 กองร้อยปืนเล็กที่ 1 จน ร.ท.สงกาณ กุดวงศ์แก้ว หน.ฐาน ได้สั่งกำลังยิงตอบโต้ปะทะกับคนร้ายเป็นระลอกๆ นานกว่า 20 นาที
ส่วนกำลังชุดที่ 2 ได้บุกเข้าโจมตีกองบังคับการชุดเฉพาะกิจนราธิวาส 32 ในเวลาเดียวกัน ด้วยการยิงเอ็ม.79 เข้าใส่ ส่วนคนร้ายชุดที่3 ได้แยกย้ายกันตัดต้นไม้ขวางถนนเพื่อสกัดกั้นเจ้าหน้าที่เข้าสนับสนุน และจุดชนวนระเบิดเสาไฟฟ้าให้หักโค่น จำนวน 3 ต้น เพื่อดับกระแสไฟที่ส่องสว่างในการเตรียมที่จะบุกโจมตีระยะประชิด แต่ระเบิดทำงานเพียง 1 ลูก เสาไฟฟ้าหักโค่นเพียง 1 ต้น ทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นยังมีอยู่ คนร้ายจึงได้เปลี่ยนแผนและนำกำลังล่าถอยไป
ทั้งนี้ เมื่อเสียงปืนสงบลง เจ้าหน้าที่เคลียร์พื้นที่เกิดเหตุ พบทหารได้รับบาดเจ็บ 12 นาย ซึ่งมีทั้งถูกกระสุนปืนของคนร้าย และสะเก็ดอาวุธปืนเอ็ม 79 ประกอบด้วย
1. ร.ท.สงกาณ กุดวงศ์แก้ว
2. พ.จ.อ.กำพล คำปรีชา
3. จ.ท.ภูมิพิทักษ์ เขียวเงิน
4. จ.อ.ทศพล แนวคง
5. พลฯ ทนงศักดิ์ สระบัว
6. พลฯ ธนะศักดิ์ เรืองพล
7. พลฯ มะอุเซ็ง เจ๊ะรำ
8. พลฯ อภิชาติ โกศร
9. พลฯ ดนัย วงศ์ยัง
10. พลฯ ประมวล บุญศรี
11. พลฯ สิทธิชัย ดาษดา
12. พลฯ นราธร นิตยาสิทธิ์
ด้าน พ.ต.อ.นันทเดช ย้อยนวล รอง ผบก.ภ.จ.นราธิวาส เปิดเผยว่า คนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้มีการวางแผนไว้เป็นอย่างดี มีลักษณะคล้ายกับกลุ่มคนร้ายบุกโจมตีฐานปฏิบัติการทหารพระองค์ดำ สังกัด ร้อย ร.15121 ฉก.นราธิวาส 38 ซึ่งตั้งอยู่ ต.มะรือโบตก อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 19 ม.ค.54 ที่ผ่านมา ทำให้ ร.อ.กฤช คัมภีรญาณ และเพื่อนทหารเสียชีวิต 3 นาย ซึ่งผลพลอยได้คือการบุกยึดอาวุธปืน และนำไปเคลื่อนไหวก่อเหตุร้ายในพื้นที่ต่างๆ แต่โชคดีที่ทหารมีความพร้อมในการรับมือคนร้ายจึงต้องล่าถอยไป