ตรัง - ชาวกะลาเส อ.สิเกา ร่วมประกอบพิธีเคลื่อนย้ายสรีระหลวงปู่เงื่อม เกจิชื่อดังที่สังขารเผาไฟไม่ไหม้ ไปประดิษฐานยังองค์พระเจดีย์ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้บูชา
วันนี้ (3 มี.ค.) เมื่อเวลา 09.19 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดกมลศรี ต.กะลาเส อ.สิเกา จ.ตรัง พระเทพวิมลเมธี รองเจ้าคณะภาค 4 วัดโพทะเล จ.พิจิตร พร้อมด้วย นายชัยฤทธิ์ ถ่ายย้วน กำนัน ต.กะลาเส คณะสงฆ์จากวัดชื่อดังต่างๆ ใน จ.ตรัง คณะกรรมการวัด และชาวบ้าน กว่า 500 คน ได้ร่วมกันประกอบพิธีเคลื่อนสรีระของ พระครูกมลวรการ หรือ หลวงปู่เงื่อม อังสุกาโร อดีตเจ้าอาวาสวัดกมลศรี และพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง จากที่เคยบรรจุใส่ในโลงแก้วจากศาลาการเปรียญ ไปยังองค์พระเจดีย์วัดกมลศรี ที่มีความสูง 18 เมตร ด้วยงบประมาณ 8 ล้านบาท ที่เพิ่งก่อสร้างแล้วเสร็จได้ประมาณ 2 เดือน ซึ่งตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าของวัด
โดยตลอดระยะทางกว่า 100 เมตร ได้มีพิธีโยนเหรียญโปรยทาน เพื่อเป็นการอันเชิญดวงวิญญาณของ หลวงปู่เงื่อม ไปประดิษฐานเป็นการถาวรในเจดีย์วัดกมลศรี เพื่อให้ประชาชนได้กราบไหว้สักการะบูชา
อย่างไรก็ตาม ปรากฏว่าในระหว่างที่กำลังยกโลงแก้วขึ้นไปยังบนแท่นที่ประดิษฐานภายในองค์พระเจดีย์อยู่นั้น ไฟฟ้าก็ได้ดับลงอย่างไม่มีสาเหตุ ทำให้ผู้ที่มาร่วมในพิธีต่างรู้สึกแปลกประหลาดใจเป็นอย่างมาก โดยต่างเชื่อว่าเป็นความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่เงื่อม ทั้งนี้ หลังจากประกอบพิธีเสร็จ ชาวบ้านต่างรุมกันแย่งตัดสายสิญจน์ที่ใช้ประกอบพิธี เพื่อนำกลับไปบูชาเป็นศิริมงคลแก่ตนและครอบครัว
สำหรับ พระครูกมลวรการ หรือ หลวงปู่เงื่อม อดีตเจ้าอาวาสวัดกมลศรี และพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง ได้มรณภาพด้วยอายุ 82 ปี จำนวน 51 พรรษา เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.2552 ที่ผ่านมา จากนั้นได้มีพิธีฌาปณกิจศพ เมื่อเวลาประมาณ 19.19 น. ของคืนวันที่ 4 ส.ค.52 ท่ามกลางคณะสงฆ์ คณะศิษยานุศิษย์ และประชาชนที่กำลังร่วมงานนับพันคน ด้วยการใช้วิธียิงไฟลูกหนู จุดชนวนระเบิดกับดินประสิวภายในโลงศพ ขณะที่สัปเหร่อได้ทำการราดน้ำมันเบนซินเพื่อเป็นเชื้อเพลิง จนชุ่มร่างและโลงศพของหลวงปู่เงื่อมไว้แล้ว
แต่สุดท้ายหลังเกิดเปลวเพลิงขึ้นภายในโลงศพของ หลวงปู่เงื่อม ผ่านไปได้แค่ประมาณ 10 นาที ก็ค่อยๆ มอดดับลง จนกระทั่งควันไฟก็จางหายไปในที่สุด สร้างความแตกตื่นให้กับประชาชนที่ไปร่วมงาน และเมื่อเข้าไปดูที่ศพของหลวงปู่เงื่อมก็พบว่าไฟไม่ได้เผาไหม้ร่างกายแต่ประการใด มีเพียงชายชีวรและผ้าขาวคลุมร่างที่ถูกไฟไหม้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น สร้างความอัศจรรย์ใจให้กับทุกคนที่ไปร่วมงานอย่างยิ่ง ต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์ถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่เงื่อมไปต่างๆ นานา เพราะสมัยที่ยังไม่ละสังขาร ท่านก็เป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่ที่มีวัตรปฎิบัติที่งดงาม และเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของประชาชนเป็นอย่างมาก
จากนั้น คณะศิษยานุศิษย์จึงลงความเห็นว่า ไม่ทำการเผาร่างของท่านอีกต่อไป แต่กำหนดจัดเก็บร่างของท่านไว้ในโลงแก้ว ที่มีประชาชนร่วมกับบริจาคเงินซื้อ และต่อมาจึงได้มีการเคลื่อนย้ายสรีระที่บรรจุในโลงแก้วไปประดิษฐานยังองค์พระเจดีย์ที่หลวงปู่เงื่อมได้ริเริ่มก่อสร้างด้วยตนเองตั้งแต่สมัยที่ท่านยังมีชีวิต เพื่อให้ประชาชนที่เคารพศรัทธาได้กราบไหว้บูชาต่อไป