ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - กรม ปภ.เร่งรัดการจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยครัวเรือนละ 5,000 บาท ในพื้นที่ภาคใต้ โดยจะจ่ายให้แล้วเสร็จภายในปลายเดือนนี้
วันนี้ (9 ก.พ.) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดสงขลา อ.เมือง จ.สงขลา นายฉัตรป้อง ฉัตรภูติ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นประธานการประชุมคอนเฟอร์เรนซ์ชี้แจงการดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยครัวเรือนละ 5,000 บาท ในพื้นที่กลุ่มจังหวัดทางภาคใต้ตอนล่าง เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีแนวทางการปฏิบัติงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประชุมจากหน่วยงานต่างๆ กว่า 70 คน อาทิ ปภ.จังหวัด นายอำเภอ ผู้แทนธนาคารออมสิน ผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ที่เกี่ยวข้องที่อยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติและขอรับความช่วยเหลือครัวเรือนละ 5,000 บาท เป็นต้น
นายฉัตรป้อง ฉัตรภูติ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า จากเหตุการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่ของประเทศไทย รัฐบาลมีความประสงค์ให้ประชาชนผู้ประสบภัยได้รับเงินช่วยเหลือเยียวยาโดยเร็ว เป็นธรรมและทั่วถึง พร้อมทั้งปราศจากการร้องเรียน ซึ่งทางคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติในการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัย ครัวเรือนละ 5,000 บาท
โดยจากมติ ครม.เมื่อวันที่ 31 มกราคม ที่ผ่านมา ในพื้นที่ภาคใต้ 11 จังหวัด ประกอบด้วย จ.สงขลา, จ.นครศรีธรรมราช, จ.ชุมพร, จ.ระนอง, จ.ประจวบคีรีขันธ์, จ.สุราษฎร์ธานี, จ.ตรัง, จ.นราธิวาส, จ.ปัตตานี, จ.พัทลุง และ จ.ยะลา มีผู้ประสบภัยทั้งสิ้น จำนวน 271,884 ครัวเรือน คิดเป็นจำนวนเงินในการให้ความช่วยเหลือทั้งสิ้น 1,359 ล้านบาท โดยที่ จ.สงขลา มีผู้ประสบอุทกภัยและวาตภัยรวมทั้งสิ้น 68,700 ครัวเรือน จากอุทกภัยและวาตภัยในช่วง 3 ระยะเวลา ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา
สำหรับหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยดังกล่าว แบ่งเป็น 4 กรณี ได้แก่ กรณีน้ำท่วมฉับพลัน-ทรัพย์สินเสียหาย, กรณีน้ำท่วมขังเกิน 7 วัน, กรณีน้ำป่าไหลหลากดินโคลนถล่ม และกรณีคลื่นลมแรงทรัพย์สินเสียหาย สำหรับผู้ประสบภัยจะได้รับเงินช่วยเหลือ 5,000 บาท เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
ทั้งนี้ จะต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบข้อมูลต่างๆ ผ่านทางเว็บไซต์ของแต่ละจังหวัด และในส่วนของอำเภอ เทศบาล อบต.ควรนำรายชื่อที่ผ่านการตรวจสอบความถูกต้องหรือส่งธนาคารออมสินแล้ว ประชาสัมพันธ์ผ่านบอร์ดต่างๆ ของแต่ละหน่วยงานด้วย
นอกจากนี้ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ยังกล่าวเน้นย้ำกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องว่า ขอให้ทุกคนระมัดระวังในเรื่องของการทุจริตหรือการใช้สิทธิโดยมิชอบเพื่อขอรับเงินช่วยเหลือดังกล่าว และขอให้เจ้าหน้าที่ทำงานโดยความโปร่งใส หากพบเห็นการทุจริตจะมีการดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดต่อไป