นครศรีธรรมราช - พ่อแทบช๊อคลูกชายถูกแก๊งยาบ้าบังคับรีดเงินหลังพยายามถอนตัว โร่แจ้งความเผยถูกข่มขู่ให้ขโมยเงินพ่อหมดนับแสน ขณะที่หัวหน้าแก๊งไหวตัวทันเผ่นหนีหวุดหวิด
วันนี้ (3 ก.พ.) เหตุการณ์พ่อพาลูกเข้าแจ้งความหลังพยายามออกจากแก๊งยาบ้า แต่ถูกบังคับรีดเงินต่อเนื่องรายนี้ถูกเปิดเผยขึ้น เมื่อนายพี (นามสมมติ) อายุ 50 ปี ชาวหมู่ 3 ต.ท่ายาง อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช นำตัวบุตรชายคือ นายริน (นามสมมติ) อายุ 17 ปี บุตรชาย เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ท.เกษม จอมพงศ์ สวส.สภ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายปิยะพงษ์ แสงระวี หรือที่รู้จักในนาม “หรั่ง หลังตลาดสด” อายุ 21 ปี บ้านเลขที่ 110/2 หมู่ 6 ต.ท่ายาง อ.ทุ่งใหญ่ ในฐานกรรโชกทรัพย์และบังคับข่มขู่ให้กระทำการผิดกฎหมาย
โดยนายพี ระบุกับเจ้าหน้าที่ว่า นายปิยะพงศ์ หรือหรั่ง ได้บังคับข่มขู่ให้ลูกชายของตนส่งขายยาบ้า และรีดไถเงินไปจำนวนหลายแสนบาท ตนมาทราบหลังจากลูกชายปริปากเผยเรื่องนี้ให้ทราบเมื่อ 5 วันก่อน คิดไตร่ตรองอยู่หลายวันจึงนำความมาแจ้งกับเจ้าหน้าที่เพื่อให้ดำเนินคดีกับแก๊งยาเสพติดแก๊งนี้
“ระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ลูกชายไปรู้จักกับนายปิยะพงศ์ จนมารู้ภายหลังว่านายปิยะพงศ์เป็นหัวหน้าแก๊งค้ายาเสพติด และมีลูกน้องอยู่อีก 3-4 คน หลังจากนั้นลูกชายตนได้พยายามตีตัวออกห่าง แต่นายปิยะพงศ์ไม่ยอมพร้อมทั้งข่มขู่รีดไถเงินแล้วบอกในทำนองโอ้อวดว่าที่บ้านมีฐานะดี มีกิจการท่าทราย อู่ซ่อมรถสิบล้อ และมีรถสิบล้อหลายคัน และบังคับให้ลูกชายขโมยเงินพ่อมาซื้อโทรศัพท์ยี่ห้อแพงๆ ราว 10 เครื่องมูลค่านับแสนบาท แถมบังคับเอาเงินสดหลายครั้งรวมแล้วประมาณ 2 แสนบาท” นายพี กล่าว พร้อมระบุเพิ่มเติมว่า
นอกจากนี้ ยังบังคับให้ขโมยปืนเพื่อพกพาเวลาไปส่งยา โดยอ้างว่าหากถูกตำรวจจับ พ่อของนายปิยะพงศ์ช่วยได้ ทั้งยังบังคับให้ส่งข้าวส่งน้ำทุกวันตามเวลาที่กำหนด ถ้าไม่ได้ดั่งใจจะทุบตี และบางทีเอามีดเชือดตามตัว และยังบังคับให้นั่งรมควันยาบ้าเวลาตั้งวงเสพ พร้อมทั้งห้ามแพร่งพรายมิฉะนั้นจะลอบยิงทั้งครอบครัวด้วย
ขณะที่นายริน บุตรชาย แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่า พ่อทราบเรื่องเนื่องจากจับได้ในขณะที่ตนพยายามขโมยเงินไปให้นายปิยะพงศ์อีกครั้ง จึงตัดสินใจเล่าทุกอย่างให้พ่อฟัง และตัดสินใจเข้าแจ้งความในที่สุด
หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ได้ติดตามตัวนายปิยะพงศ์ หรือหรั่ง เพื่อเชิญมาสอบสวน แต่ปรากฏว่านายปิยะพงศ์ได้หลบหนีไปแล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่จะเร่งสอบสวนและติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป ส่วนข้อมูลที่ได้จากนายรินนั้นถือว่าเป็นประโยชน์มาก เจ้าหน้าที่จะรวบรวมเป็นฐานข้อมูลในการติดตามเครือข่ายยาเสพติดรายนี้มาดำเนินคดีต่อไป
วันนี้ (3 ก.พ.) เหตุการณ์พ่อพาลูกเข้าแจ้งความหลังพยายามออกจากแก๊งยาบ้า แต่ถูกบังคับรีดเงินต่อเนื่องรายนี้ถูกเปิดเผยขึ้น เมื่อนายพี (นามสมมติ) อายุ 50 ปี ชาวหมู่ 3 ต.ท่ายาง อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช นำตัวบุตรชายคือ นายริน (นามสมมติ) อายุ 17 ปี บุตรชาย เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ท.เกษม จอมพงศ์ สวส.สภ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายปิยะพงษ์ แสงระวี หรือที่รู้จักในนาม “หรั่ง หลังตลาดสด” อายุ 21 ปี บ้านเลขที่ 110/2 หมู่ 6 ต.ท่ายาง อ.ทุ่งใหญ่ ในฐานกรรโชกทรัพย์และบังคับข่มขู่ให้กระทำการผิดกฎหมาย
โดยนายพี ระบุกับเจ้าหน้าที่ว่า นายปิยะพงศ์ หรือหรั่ง ได้บังคับข่มขู่ให้ลูกชายของตนส่งขายยาบ้า และรีดไถเงินไปจำนวนหลายแสนบาท ตนมาทราบหลังจากลูกชายปริปากเผยเรื่องนี้ให้ทราบเมื่อ 5 วันก่อน คิดไตร่ตรองอยู่หลายวันจึงนำความมาแจ้งกับเจ้าหน้าที่เพื่อให้ดำเนินคดีกับแก๊งยาเสพติดแก๊งนี้
“ระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ลูกชายไปรู้จักกับนายปิยะพงศ์ จนมารู้ภายหลังว่านายปิยะพงศ์เป็นหัวหน้าแก๊งค้ายาเสพติด และมีลูกน้องอยู่อีก 3-4 คน หลังจากนั้นลูกชายตนได้พยายามตีตัวออกห่าง แต่นายปิยะพงศ์ไม่ยอมพร้อมทั้งข่มขู่รีดไถเงินแล้วบอกในทำนองโอ้อวดว่าที่บ้านมีฐานะดี มีกิจการท่าทราย อู่ซ่อมรถสิบล้อ และมีรถสิบล้อหลายคัน และบังคับให้ลูกชายขโมยเงินพ่อมาซื้อโทรศัพท์ยี่ห้อแพงๆ ราว 10 เครื่องมูลค่านับแสนบาท แถมบังคับเอาเงินสดหลายครั้งรวมแล้วประมาณ 2 แสนบาท” นายพี กล่าว พร้อมระบุเพิ่มเติมว่า
นอกจากนี้ ยังบังคับให้ขโมยปืนเพื่อพกพาเวลาไปส่งยา โดยอ้างว่าหากถูกตำรวจจับ พ่อของนายปิยะพงศ์ช่วยได้ ทั้งยังบังคับให้ส่งข้าวส่งน้ำทุกวันตามเวลาที่กำหนด ถ้าไม่ได้ดั่งใจจะทุบตี และบางทีเอามีดเชือดตามตัว และยังบังคับให้นั่งรมควันยาบ้าเวลาตั้งวงเสพ พร้อมทั้งห้ามแพร่งพรายมิฉะนั้นจะลอบยิงทั้งครอบครัวด้วย
ขณะที่นายริน บุตรชาย แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่า พ่อทราบเรื่องเนื่องจากจับได้ในขณะที่ตนพยายามขโมยเงินไปให้นายปิยะพงศ์อีกครั้ง จึงตัดสินใจเล่าทุกอย่างให้พ่อฟัง และตัดสินใจเข้าแจ้งความในที่สุด
หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ได้ติดตามตัวนายปิยะพงศ์ หรือหรั่ง เพื่อเชิญมาสอบสวน แต่ปรากฏว่านายปิยะพงศ์ได้หลบหนีไปแล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่จะเร่งสอบสวนและติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป ส่วนข้อมูลที่ได้จากนายรินนั้นถือว่าเป็นประโยชน์มาก เจ้าหน้าที่จะรวบรวมเป็นฐานข้อมูลในการติดตามเครือข่ายยาเสพติดรายนี้มาดำเนินคดีต่อไป
