ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ตมั่นใจธุรกิจอสังหาฯยังโตต่อเนื่อง เตือนผู้ซื้อระวังนักลงทุนจับเสือมือเปล่าเปิดตัวโครงการขายเพียงกระดาษไม่สามารถสร้างบ้านให้ลูกค้าได้ ย้ำการตัดสินใจซื้อบ้านให้ตรวจสอบให้ชัดเจน ระบุมีผู้ซื้อถูกหลอกแล้วหลายราย
นายสัจจพล ทองสม กรรมการสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต กล่าวถึงแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2555 ของจังหวัดภูเก็ตว่า แนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ไม่เฉพาะบ้านระดับราคาล่างและกลางเท่านั้น แต่รวมถึงบ้านพักตากอากาศที่มีระดับราคา 8-12 ล้านบาท
สิ่งที่ทำให้มั่นใจว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตยังเติบโต เนื่องจากมีปัจจัยหลายประการเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นผลพวงจากปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ภาคกลาง ทำให้ผู้มีเงินบางส่วนมองหาทำเลที่ใกล้เคียงกับกรุงเทพมหานคร และมีสิ่งอำนวยความสะดวกค่อนข้างพร้อม เพื่อใช้เป็นบ้านหลังที่ 2 รวมทั้งปัจจัยความต้องการบ้านพักตากอากาศเพื่อรับรองเพื่อนฝูง และกำลังซื้อในตลาดยังมีอยู่โดยเฉพาะตลาดคนไทย ประกอบกับ ราคาซื้อขายในระดับล่าง ระดับกลาง และบ้านราคา 8-12 ล้าน เป็นราคาที่ไม่สูงเกินไปสำหรับคนที่มีกำลังซื้อ
“หากเป็นบ้านเดี่ยวระดับราคา 3-5 ล้านบาท ตลาดยังไปได้ดี เช่นเดียวกับทาวน์เฮ้าส์หรือทาวน์โฮมที่มีระดับราคาไม่เกิน 2.5 ล้านก็ยังมีอยู่แต่ไม่มากนัก ส่วนคอนโดมีเนียมที่กำลังได้รับความนิยมและเป็นตลาดที่ค่อนข้างกว้างจะมีระดับราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท โดยเฉพาะตลาดคนไทย แต่หากเป็นตลาดชาวต่างชาติ ปัจจุบันก็ไม่นิยมที่จะซื้อคอนโดมีเนียมที่มีราคาสูงเกินไป แต่จะมาซื้อในระดับราคา 1.5-3.5 ล้านบาท หรือที่ราคาตารางเมตรละประมาณ 50,000 บาท ส่วนที่ระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไปกลุ่มนี้จะทำตลาดยากขึ้นใน”นายสัจจพล กล่าวและว่า
ส่วนบ้านระดับราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป ทำตลาดค่อนข้างยากขึ้น เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายหลักจะเป็นชาวต่างชาติ แต่ปัจจุบันชาวต่างชาติกำลังประสบกับปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจทำให้ต้องระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น รวมถึงความผันผวนต่างๆ จึงทำให้มีการขายออกมากกว่าซื้อเข้า ส่วนโครงการระดับนี้ที่ยังมีการซื้อง่ายขายคล่องก็เป็นโครงการในพื้นที่แถบตำบลราไวย์ กะตะกะรน และกมลา เนื่องจากระดับราคาที่ไม่สูงจนเกินไป
นายสัจจพลยังได้กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของทำเลที่ตั้งของการลงทุนแนวราบในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตนั้นขณะนี้มีการขยายออกนอกตัวเมืองมากขึ้น เนื่องจากระดับราคาที่ดินยังไม่สูงนัก เช่น ศรีสุนทร บางโจ อ.ถลาง เป็นต้น โดยนักลงทุนสามารถซื้อและทำบ้านในระดับราคา 2.5-3 ล้านบาทขายได้
ส่วนพื้นที่ฝั่งตะวันตกไม่ว่าจะเป็น กะตะ-กะรน หรือป่าตอง รวมไปถึงพื้นที่ด้านใต้ในส่วนของฉลอง ราไวย์ การลงทุนแนวราบทำได้ยาก เนื่องจากที่ดินราคาแพงและมีจำนวนจำกัด ส่วนใหญ่นักลงทุนจะหันไปการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวสูงหรือแนวดิ่งแทน เพราะสามารถที่จะทำราคาได้ดีกว่า
ขณะที่ นายบุ๋นเก้ง ศรีแสนสุชาติ ที่ปรึกษาสมาคมอสังหาริมทรัพย์จังหวัดภูเก็ต ประธานกรรมการ บริษัท ศรีสุชาติ แกรนด์วิว จำกัด ผู้บริหารโครงการศรีสุชาติ แกรนด์วิว กล่าวว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของภูเก็ตในปี 2555 ยังคงเติบโตได้อีกประมาณ 30-40% โดยเฉพาะตลาดระดับล่างที่มีระดับราคา 5 ล้านบาทลงมา เนื่องจากความต้องการบ้านเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยในกลุ่มคนทำงานยังคงมีอยู่
ส่วนตลาดบนและบ้านพักตากอากาศที่มีระดับราคาตั้งแต่ 7-10 ล้านบาทขึ้นไป ค่อนข้างชะลอตัว และทำตลาดได้ยาก เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายจะเป็นชาวต่างชาติโดยเฉพาะกลุ่มยุโรป ซึ่งปัจจุบันประสบกับปัญหาภาวะเศรษฐกิจทำให้มีความระมัดระวังในการใช้จ่าย
ส่วนเรื่องของการลงทุนก็ถือว่ายังมีอยู่เช่นกัน เห็นได้จากกลุ่มนักลงทุนจากส่วนกลางที่เข้ามาลงทุนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเป็นจำนวนมาก ทั้งผู้ประกอบการที่เป็นมืออาชีพเป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์และผู้ประกอบการมือใหม่ ซึ่งมีบางรายเข้ามาหวังจับเสือมือเปล่า โดยเปิดตัวโครงการและขายเพียงแผ่นกระดาษแต่ไม่สามารถสร้างบ้านให้กับลูกค้าได้ ซึ่งการสร้างความเสียหายให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์ของภูเก็ตอย่างมาก และที่ผ่านมามีผู้ร้องเรียนในเรื่องดังกล่าวมาแล้ว
“ดังนั้น จึงอยากจะฝากไปยังผู้บริโภคว่าในการตัดสินใจซื้อบ้านจะต้องมีการตรวจสอบให้รอบคอบ จะต้องตรวจสอบหลักฐานรายละเอียดต่างๆ ให้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นหลักฐานเกี่ยวกับที่ดิน การขออนุญาตจัดสรร การจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม เพราะไม่เช่นนั้นก็อาจจะต้องเสียเงินเปล่า ซึ่งขณะนี้ได้มีการหารือกับทางนายกสมาคมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ตเพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาดังกล่าว เนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นไม่เฉพาะกลุ่มผู้ประกอบคนไทยเท่านั้น แต่รวมถึงผู้ประกอบการต่างชาติที่ใช้นอมินีด้วย” นายบุ๋นเก้งกล่าว