จากสถานการณ์น้ำท่วม ที่ผ่านมา ทำให้เกิดธุรกิจต่างๆ มากมาย และหนึ่งในนั้น คือ บริการกำจัดฆ่าเชื้อราในระบบระบายอากาศ เพราะน้ำท่วมครั้งนี้ ไม่ได้มาแต่น้ำ แต่ยังนำเอาเชื้อโรคและเชื้อราต่างๆ มาด้วย การกำจัดเชื้อรา กลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับบ้านผู้ประสบภัยน้ำท่วม ที่ไม่อาจมองข้ามได้
นายนพพล ชัยจรูญรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูดีอาร์เอส ( ประเทศไทย) จำกัด เชี่ยวชาญด้านการฆ่าเชื้อในระบบระบายอากาศ เล่าว่า บริษัทของเราเปิดให้คำปรึกษาและแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่ได้ใบรับรองมาตรฐานจากสถาบัน IICRC (Inspection Cleaning and Restoration Cetification) สหรัฐอเมริกา โดยได้เริ่มต้นธุรกิจการบริการทำความสะอาด กำจัดเชื้อรา ขึ้นเมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว ด้วยการร่วมทุนกับบริษัทจากประเทศมาเลเซียในการให้บริการทำความสะอาด ในสถานที่ราชการ และ โรงพยาบาล โดยใช้เทคโนโลยีการทำความสะอาดชั้นสูงซึ่งเป็นกำจัดเชื้อโรค กำจัดเชื้อรา แบคทีเรีย
โดยที่ผ่านมามีลูกค้า คือโรงพยาบาลเอกชน โรงพยาบาลของรัฐ ตึกพันธ์ทิพย์พลาซ่า โรงแรมเชอร์ราตัน สุขุมวิท รูปแบบการให้บริการทำความสะอาดของเรา คือ การฆ่าเชื้อโรค กำจัดเชื้อรา ในห้องผ่าตัด เป็นต้น แต่ในช่วงเดือนตุลาคม ถึง ธันวาคม ที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ วิกฤตน้ำท่วม ทำให้เรามองเห็นถึงปัญหาที่มาจากน้ำท่วม คือ เมื่อมีความชื้นเข้าไปในบ้าน แล้วสิ่งที่ตามมาก็คือเชื้อราที่สะสมมากับความชื้น
ทั้งนี้ การทำความสะอาดปกติสามารถทำความสะอาดได้ระดับหนึ่งแต่ในความเป็นจริงๆแล้วเชื้อรามันจะกระจายซึมเข้าไปตามผนัง ผ้าม่าน วอลเปเปอร์ และมีผลต่อระบบทางเดินหายใจ โรคปอด วัณโรค บานปลายถึงโรคมะเร็งได้ ประกอบกับบ้านของคนใกล้ชิด เพื่อนฝูง ต่างได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม และเราก็ได้มีโอกาสเข้าไปให้การช่วยเหลือ ทำความสะอาด กำจัดเชื้อรา และเกิดการบอกกันแบบปากต่อปาก ทำให้ในช่วงน้ำท่วม เราก็ได้มีโอกาสขยายกลุ่มลูกค้าไปยังกลุ่มหมู่บ้านจัดสรรมากขึ้น
นายนพดล เล่าว่า สำหรับกลุ่มลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วม ซึ่งมีอยู่ค่อนข้างมาก ทำให้เราต้องจัดตั้งทีมงาน ผู้เชี่ยวชาญ ขึ้นมาอีกทีมหนึ่ง เพื่อให้บริการสำหรับกรณีบ้านที่ถูกทำท่วมโดยเฉพาะ โดยบริษัทได้ทดลองให้บริการกำจัดเชื้อรา ตามบ้านพักอาศัย ที่ถูกน้ำท่วมในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา โดยมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการอบบ้านแล้ว 7 หลัง ส่วนลูกค้าที่ใช้บริการฉีดสเปรย์จำนวน 3 หลัง
โดยการทำความสะอาดของเราจะเริ่มจากการใช้น้ำยาในการฆ่าเชื้อราพ่นในพื้นที่ที่ต้องการกำจัดเชื้อโรค โดยฉีดน้ำยาทิ้งไว้ประมาณ 40 นาที เพื่อให้น้ำยาทำปฎิกริยาและฆ่าเชื้อราเบื้องต้นก่อน ต่อจากนั้น จะใช้เครื่องอบฆ่าเชื้อที่เราดีไซน์เครื่องจักรขึ้นเมาเอง เพื่ออบบ้านทั้งหลัง โดยจะอบเป็นโซนๆ ที่อุณหภูมิ 60 องศา ทำให้เชื้อราทั้งหมดตายโดยธรรมชาติ
ในขณะที่เฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน เช่น วอลเปเปอร์ พรม ผ้าม่านไม่ได้รับความเสียหาย และสามารถกำจัดกลิ่นอับได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือ ไม่ให้เชื้อโรคมีการแพร่กระจาย ซึ่งในส่วนของเครื่องอบจะใช้เวลาในการอบ ประมาณ 1ชั่วโมงต่อห้อง พออบเสร็จจะมีการกรองอากาศ ซึ่งจะเป็นระบบการกรองอากาศที่ใช้ในห้องผ่าตัดเพื่อเป็นการฆ่าเชื้อโรค
สำหรับอัตราการให้บริการในการกำจัดเชื้อรา คิดค่าบริการตามขนาดของพื้นที่ อาทิ บ้านที่มีขนาดพื้นที่ 300 ตารางเมตรขึ้นไป จะคิดอัตราค่าบริการ แบบครบขั้นตอน ทั้งสเปร์ยทำความสะอาด อบค่าเชื้อ ในราคา 35,000 บาท ส่วนที่เกินตารางเมตรต่อไปจะคิดตารางเมตรละ 60 บาท ส่วนการฉีดสเปรย์ฆ่าเชื้ออย่างเดียวคิดอัตราค่าบริการ 4,000 บาท ต่อพื้นที่ 200 ตารางเมตร ส่วนที่เกินตารางเมตรต่อไปคิดตารางเมตรละ 20 บาท
โดยกลุ่มลูกค้า นอกจากบ้านพักอาศัยแล้ว จะเน้นกลุ่มลูกค้าที่เป็นสถานที่ราชการ รีสอร์ท ตลาดอาคาร สำนักงาน ศูนย์ราชการ โรงพยาบาล เพราะสถานที่เหล่านี้จะมีการทำความสะอาดปีละครั้ง ส่วนของบ้านพักอาศัยจะใช้การทำตลาดแบบติดต่อผ่านนิติบุคคลของโครงการ และมีแผนการทำประชาสัมพันธ์แนะนำและให้ข้อมูล ผ่านทางเว็บไซต์ต่างๆ เพื่อให้ลูกค้าให้เห็นถึงความจำเป็นการทำความสะอาดด้วยการกำจัดเชื้อรา แบคทีเรีย ปีละ 1 -2 ครั้ง โดยในช่วงแรกจะเน้นตลาดในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล เป็นหลัก
นาย นพพล กล่าวทิ้งท้ายว่า แนวโน้มตลาดบริการทำความสะอาด กำจัดเชื้อรามีโอกาสขยายตัวมาก เนื่องจากคนให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้นด้วยสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป ทำให้ประชาชน ผู้บริโภค เป็นโรคภูมิแพ้ โรคทางเดินหายใจกันมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกค้าที่อาศัยอยู่ในคอนโดมีเนียม เราจึงมีแนวความคิดว่าจะใช้เครื่องทำความสะอาดให้มีขนาดเล็กลงเพื่อเจาะตลาดคอนโดมีเนียมต่อไปในอนาคต
โทร. 02-383-9320, 08-8022-0595 www.UDRSTHAI.com