ยะลา - ตชด 445 เบตง และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเบตง ออกติดตามไล่ล่าเสือโคร่ง หลังได้รับแจ้งจากชาวสวนยางในพื้นที่ ต.ตาเนาะแมเราะ หวั่นเป็นเสือที่ได้รับบาดเจ็บจากประเทศมาเลเซีย กลับพบมอดไม้บุกรุกป่าสงวน
เมื่อเวลา 03.30 น. วันนี้ (18 ม.ค.) นายดลเดช พัฒนรัฐ นายอำเภอเบตง จ.ยะลา ได้รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 ต.ตาเนาะแมเราะ ว่า ชาวบ้านที่กรีดยางได้วิ่งมาบอกว่าพบเสืออยู่ในสวนยางพารา จึงประสานให้ พ.ต.อ.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผกก.สภ.เบตง พ.ต.ท.เชษฐ์วิทย์ นีระฮิง ผบ.ร้อย ตชด.445 นายฟูอาดี แตปูซู หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ยล.6 (บ้านบ่อน้ำร้อน) นำกำลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร ตชด.445 อส. เจ้าหน้าที่ป่าไม้ และ ชาวบ้าน เข้าพื้นที่
แต่เจ้าหน้าที่ต้องรอให้สว่างก่อน เนื่องจากติดตามเสือค่อนข้างยาก ต่อจากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดติดตามได้พบรอยเสือเดินวนเวียนอยู่หลายจุดในพื้นที่ที่ได้รับแจ้ง ขณะที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบรอยเท้าเสือ ยังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า ในพื้นที่บ้านจาเราะซูซู หมู่ที่ 4 ต.ธารน้ำทิพย์ บ้านสวนส้ม กม.10 หมู่ที่ 9 ต.ตาเนาะแมเราะ บ้านซาโห่ บริเวณหลักเขตแดนที่ 54 ติดชายแดนมาเลเซีย และบ้านปากบ้าง หมู่ที่ 8 ต.ตาเนาะแมเราะ ตื่นตระหนกหวาดกลัว ไม่กล้าเข้าไปประกอบอาชีพกรีดยาง ซึ่งทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนเนื่องจากชาวบ้านรีบหาเงินเพื่อใช้จ่ายในเทศกาลตรุษจีน
นอกจากนี้ขณะที่เจ้าหน้าที่ ตชด.445 เบตง ติดตามรอยเสือได้ยินเสียงเลื่อยดังอยู่บริเวณป่าสงวนแห่งชาติป่าเบตง บ้านหัวลำโพง หมู่ที่ 2 ต.ตาเนาะแมเราะ จึงได้เข้าตรวจสอบเมื่อถึงจุดดังกล่าวพบนายสา คณาโสม อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 91 หมู่ที่ 5 ต.ตาเนาะแมเราะ นายบุญล้ำ สีแดง อยู่บ้านเลขที่ 31 หมู่ที่ 2 ต.ตาเนาะแมเราะ ขณะกำลังเลื่อยต้นไม้ขนาดใหญ่ เจ้าหน้าที่จึงเข้าจับกุมพร้อมของกลาง โซ่เลื่อยยนต์ จำนวน 1 เครื่อง ขวานพร้อมด้าม 1 เล่ม รถจักรยานยนต์จำนวน 2 คัน และอุปกรณ์ทำลายป่าอีกจำนวนหนึ่งจึงควบคุมตัวส่งดำเนินคดี
ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้เข้าสอบถามเจ้าหน้าที่ ตำรวจรัฐเปรัค ประเทศมาเลเซียถึงเหตุการณ์ที่ชาวบ้านพบเสือ ทราบว่า มีชาวบ้านที่อยู่ในหมู่บ้านกัมปงปันตันลากู เมืองกัวรันกังซา รัฐเปรัค ประเทศมาเลเซีย เข้าไปกรีดยางพารา โดยนางรอฮานี อายุ 49 ปี และน.ส.มารือตุรา อายุ 16 ปี บุตรสาวให้การว่า ขณะกรีดยางพาราได้เพียงต้นเดียว ก็พบเสือโคร่งขนาดน้ำหนักประมาณ 70 ก.ก.จำนวน 2 ตัวยืนอยู่กลางสวนยางพารา ซึ่งห่างจากจุดที่ยืนประมาณ 200 เมตร โดยเมื่อเห็นเสือ ตนและบุตรสาว ต่างใช้ก้อนหิน และไม้ ขว้างปาใส่เสือ และได้วิ่งออกไปเข้าหมู่บ้าน ซึ่งห่างจากสวนยางพารา ประมาณ 2 กิโลเมตร
เมื่อถึงหมู่บ้านบุตรสาวจึงได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ ต่อมาประมาณ 2 ช.ม กำลังเจ้าหน้าที่และชาวบ้านได้เข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว เมื่อพบเสือโคร่งได้พุ่งเข้าหา กลุ่มเจ้าหน้าที่ทันที เจ้าหน้าที่จึงใช้ปืนลูกซองยิงใส่จำนวน 3 นัดทำให้เสือตายทันที 1 ตัว ส่วนอีกตัวเจ้าหน้าที่ได้ติดตามอย่างใกล้ชิดซึ่งเสือตัวที่หลบหนีได้รับบาดเจ็บซึ่งทางเจ้าหน้าที่ฝั่งไทยเกรงว่าเสือที่บาดเจ็บอาจจะเข้ามายังฝั่งไทย
นางรอฮานี เหยื่อเสือชาวมาเลเซีย ที่รอดมาอย่างหวุดหวิดเปิดเผยว่า ปกติตนเองและบุตรสาวจะไม่กรีดยางพารา แต่เป็นหน้าที่ของสามี แต่ในวันที่เกิดเหตุสามีปวดหัวเข่า ตนและบุตรสาวจึงเข้ามากรีดยางพาราแทนสามี ขณะที่กรีดยางพาราอยู่จู่ๆ ก็มีเสือโคร่งขนาดน้ำหนักประมาณ 70 ก.ก.จำนวน 2 ตัวยืนอยู่กลางสวนยางพารา โดยเมื่อเสือเห็นตน และบุตรสาวพยายามเดินถอยออกห่างจากเสืออย่างช้าๆ ซึ่งเสือจะเดินตามตนและบุตรสาวอย่างไม่ห่างจนได้จังหวะใกล้หมู่บ้านจึงได้รวบรวมเรี่ยวแรงวิ่งเข้าหมู่บ้าน และโทรขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ดังกล่าว ซึ่งจุดที่พบเสือเมื่อปีที่แล้ว เดือนเดียวกันก็พบเสือแต่ชาวบ้านได้ไล่ไป สาเหตุที่เสือออกมาในครั้งนี้ นางรอฮานี กล่าวว่า น่าจะเกิดจากการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อปลูกปาล์มจนทำให้เสือไม่มีที่อยู่
ด้าน พ.ต.อ.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผกก.สภ.เบตง หลังทราบข่าวได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดติดตามทุกชุดให้เพิ่มความระมัดระวัง เนื่องจากเสือได้รับบาดเจ็บและอาจจะเข้ามาในเขตไทย จึงสั่งให้กระจายข่าวให้ชาวบ้านที่มีสวนยางพาราติดชายแดนเพิ่มคงวามระมัดระวังในการประกอบอาชีพ
อย่างไรก็ตามนายดลเดช พัฒนรัฐ นายอำเภอเบตง เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่จากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 6 จ.สงขลา และเจ้าหน้าที่จากสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าโตนงาช้าง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ ตำรวจภูธร ตชด.445 อส. ชรบ.และชาวบ้านได้แบ่งกำลังเป็น 4 ส่วนเข้าพื้นที่ที่พบรอยเสือทุกจุดเพื่อสร้างความอบอุ่นใจให้กับชาวบ้าน