นราธิวาส - เจ้าหน้าที่ตำรวจนราธิวาส เร่งติดตามตัวคนร้ายที่ลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์เยื้องหน้าตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงไทย สาขาตันหยงมัส พบกล้องวงจรปิดเทศบาล 48 ตัวใช้การไม่ได้
วันนี้ (11 ม.ค.) พ.ต.ท.เฉลิม ยิ่งคง สว.เวร สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส ร.ต.ท.นัฐวิทย์ บำเพ็ญศรี รอง หน.กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส ร.ต.ต.แชน วรงคไพสิฐ หน.ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด นปพ.จ.นราธิวาส และเจ้าหน้าที่ชุดนิติวิทยาศาสตร์ ศปก.ตร.ส่วนหน้า รวมทั้งเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ได้เข้าตรวจสอบเพื่อหาหลักฐานอย่างละเอียดอีกครั้ง กรณีคนร้ายวางระเบิดคาร์บอมบ์เยื้องหน้าตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงไทย สาขาตันหยงมัส เขตเทศบาลตำบลตันหยงมัส อ.ระแงะ เหตุเกิดในช่วงคืนที่ผ่านมา ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย
โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบหมายเลขตัวถัง และหมายเลขเครื่องยนต์ของรถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิซิ สีเทาดำ ทะเบียน กข 9784 ยะลา พบว่ารถยนต์คันดังกล่าวเป็นของนายสำอาง (ขอสงวนนามสกุล) ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพมหานคร ที่มีการต่อภาษีครั้งสุดท้ายที่ จ.ปัตตานี ส่วนกรณีโทรศัพท์มือถือที่คนร้ายใช้จุดชนวนระเบิดนั้น เป็นยี่ห้อโนเกียสีม่วง รุ่น C1-02 ที่มีการต่อแผงวงจร DTMF เข้ารหัสหมายเลข 5 เพื่อป้องกันการตัดสัญญาณของเจ้าหน้าที่ ส่วนระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายใช้ก่อเหตุในครั้งนี้ได้ประกอบใส่ไว้ในถังแก๊สหุงต้มขนาด 15 กก.น้ำหนัก 50 กก.ที่แอบซุกซ่อนใส่ไว้ในกระโปรงหลัง และได้ใส่น้ำมันเชื้อเพลิงเบนซินไว้ในแกลลอนพลาสติกขนาด 5 ลิตรวางแนบไว้กับระเบิด เพื่อต้องการให้น้ำมันเชื้อเพลิงกระเด็นไปติดอาคารห้องแถวไม้ ให้เกิดไฟไหม้ทั้งแถบ
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ติดไว้ตามบริเวณเสาไฟฟ้าตลอดทั้งสาย พบว่ากล้องของเทศบาล 48 ตัวใช้การไม่ได้ เหลือกล้องของที่ว่าการอำเภอระแงะบางส่วนที่สามารถบันทึกพฤติกรรมของคนร้ายเอาไว้ได้แต่ไม่ชัดเจนมากนัก โดยคนร้ายจำนวน 1 คน อายุประมาณ 30-35 ปี สวมผ้าโสร่งและใส่เสื้อยืดสีทึบ ขับรถยนต์คันดังกล่าวมาจอดที่บริเวณดังกล่าว เวลา 18.25 น.แล้วลงเดินปะปนกับชาวบ้านหายไป
จนกระทั่งเวลา 19.06 น.ของวันเดียวกัน ได้มีเจ้าหน้าที่ทหารพรานสังกัดกรมทหารพรานที่ 45 นั่งรถยนต์กระบะหุ้มเกราะกลับจากตั้งจุดตรวจจุดสกัดที่บริเวณสามแยกทางไปน้ำตกซีโป คนร้ายคนดังกล่าวที่แฝงตัวอยู่ในละแวกจุดเกิดเหตุได้ใช้โทรศัพท์มือถือจุดชนวนระเบิดที่แอบซุกซ่อนไว้ในรถยนต์เก๋ง จนเกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหวขณะที่รถยนต์กระบะของเจ้าหน้าที่ทหารพรานขับผ่าน แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ รถยนต์กระบะได้รับความเสียหายเล็กน้อย ประจวบเหมาะกับที่นายมะห์ มะรี ได้ขี่รถจักรยานยนต์ พา ด.ญ.แวนัสริน บุตรสาว ไปซื้อขายที่ตลาดตันหยงมัสจนได้รับบาดเจ็บเช่นกัน ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโชคดีที่ระเบิดดังกล่าวทำงานไม่สมบูรณ์ ทำงานเพียง 70% เท่านั้น ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารและครอบครัวนายมะห์รอดตายไปได้อย่างหวุดหวิด
จากการวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีความมั่นคง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เปิดเผยว่า เหตุที่คนร้ายเลือกวางระเบิดคาร์บอมบ์สถานที่ดังกล่าว มีจุดประสงค์ 2 ประการในการก่อเหตุครั้งนี้ คือ ต้องการดักสังหารเจ้าหน้าที่ทหารพราน และการขับไล่คนไทยพุทธที่อาศัยอยู่ที่บริเวณห้องแถวไม้ จำนวน 8 คูหา ด้วยการจุดชนวนระเบิดคาร์บอมบ์เพื่อให้เปลวไฟที่บรรจุใส่ไว้ในแกลลอนพลาสติก กระเด็นไปติดตามฝาผนัง และหลังคาของห้องแถว เพื่อให้เกิดไฟลุกท่วมทั้งแถบแต่ระเบิดทำงานไม่สมบูรณ์ดังกล่าว
ส่วนการติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีนั้น เจ้าหน้าที่ได้ทำการแกะรอยจากภาพวงจรปิดที่บันทึกได้ ด้วยการใช้เทคนิคทำภาพให้เกิดความคมชัดขึ้น เพื่อที่จะสามารถระบุรูปพรรณสัณฐานได้ว่าเป็นใคร ควบคู่กับขอความร่วมมือพยานบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์ ทยอยเดินทางให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อที่จะรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป