ผู้การฯภูเก็ตเรียกสถานบันเทิงคุย-จี้ดูแลพนักงานให้รู้จักหน้าที่

ศูนย์ข่าวภูเก็ต-ผู้การตำรวจภูเก็ตเรียกประชุม สถานประกอบการ สถานบันเทิงในเมืองภูเก็ต แจงแนวทางปฏิบัติหลังเกิดเหตุพนักงานรุมทำร้ายนักเที่ยว ย้ำผู้ประกอบการจะต้องควบคุมดูแลพนักงานให้รู้จักหน้าที่ตัวเองเป็นสำคัญ พร้อมกับต้องทำประวัติพนักงานทุกราย ลั่นไม่เคยเลือกปฏิบัติ โดยให้ความสำคัญเท่าเทียมกันทุกคนไม่ว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นกับใคร

วันนี้ (9 ม.ค.55) ที่ห้องประชุมชั้น 4 สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต พล.ต.ต.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในการประชุม ผู้ประกอบการสถานบันเทิงในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต โดยมีผู้ประกอบการสถานบันเทิงทุกประเภท กว่า 200 ราย พ.ต.อ.โชติ ชิดไชย ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต พ.ต.ท.จำรูญ พลายด้วง รองผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม

พล.ต.ต.ชนสิษฎ์ กล่าวว่า การเชิญผู้ประกอบการสถานบันเทิงต่างๆ มาร่วมประชุมในครั้งนี้เพื่อชี้แจงถึงบทบาทหน้าที่ของผู้ประกอบการสถานบันเทิงในการควบคุมดูแลให้มีการปฏิบัติตามกฎหมายที่กำหนด และจะต้องมีการควบคุมดูแลพนักงานในร้านให้รู้จักหน้าที่ของตัวเองว่าจะต้องทำอะไรบ้าง

เหตุการณ์การทำร้ายคนที่เข้าไปเที่ยวในสถานบันเทิง ตนให้ความสำคัญกับทุกคนไม่มีการแบ่งแยกว่าเป็นคนที่มีชื่อเสียง หรือคนทั่วไป แต่จะให้ความสำคัญเท่ากันหมด ไม่ใช่ว่าเมื่อเกิดเหตุกับนายวรสิทธิ อิสสระ หรือ นายปลาวาฬ แล้วมาดำเนินการ ซึ่งตนขอยืนยันว่าตนให้ความสำคัญกับทุกคนเท่ากันหมด

ในการเดินทางมารับตำแหน่งที่จังหวัดภูเก็ต ตนก็ตั้งใจอยู่แล้วที่จะเชิญผู้ประกอบมาพูดคุยกัน เพราะจังหวัดภูเก็ตนั้นเป็นจังหวัดท่องเที่ยวไม่อยากให้มีเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายเกิดขึ้นในสถานบันเทิงต่างๆ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในภาพรวมด้วย

“สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสถานบันเทิงรัชดาผับ เป็นเหตุการณ์ที่พนักงานในร้านไปรุมทำร้ายคนที่เข้าไปเที่ยวในสถานบันเทิง ซึ่งจริงๆแล้วในส่วนของพนักมีหน้าที่ให้บริการลูกค้า ไม่ใช่มีหน้าที่ไปทะเลาะกับลูกค้า ในส่วนของการ์ดก็เช่นเดียวกันจะต้องทำหน้าที่ในการตรวจบัตร และตรวจอาวุธ รวมทั้งตรวจสอบไม่ให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าไปใช้บริการ และจะต้องทำหน้าที่ในการควบคุมไม่ให้ลูกค้าที่เข้าไปดื่มกินทะเลาะกัน เพื่อรักษาภาพลักษณ์ที่ดีของจังหวัดภูเก็ต” พล.ต.ต. ชนสิษฎ์ กล่าวและว่า

ในส่วนของเจ้าของร้านจะต้องควบคุมและทำประวัติของพนักงาน ที่เข้ามาทำงานในสถานประกอบการทุกคน ถ้าไม่มีการทำประวัติเจ้าของสถานประกอบการ จะต้องถูกดำเนินคดีจำคุกไม่ต่ำกว่า 1 ปี ปรับไม่เกิน 50,000 บาท รวมทั้งถ้ามีการเปลี่ยนแปลงประวัติจะต้องแก้ไขภายใน 7 วัน และจะต้องไม่รับเด็กที่มีอายุตำกว่า 18 ปี เป็นพนักงานในร้าน รวมทั้งจะต้องไม่ยินยอมให้ผู้ที่มีอาการมึนเมา ครองสติไม่อยู่เข้าไปใช้บริการ

ส่วนเรื่องของยาเสพติดก็จะต้องมีการควบคุม ไม่ให้ไม่ให้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติดเกิดขึ้น เช่นเดียวกับเรื่องของอาวุธจะต้องมีการควบคุม ทั้งในส่วนของลูกค้าและในส่วนของพนักงานในร้าน ไม่ให้มีการนำอาวุธเข้ามาในร้านโดยเด็ดขาด

ขณะที่ พ.ต.อ.โชติ ชิดไชย ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต กล่าวว่า ในส่วนของผู้ประกอบการจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์รุมทำร้ายนายวรสิทธิ อิสสระ ตำรวจภูธรเมืองภูเก็ตได้เชิญผู้ประกอบการสถานบันเทิงมาร่วมประชุมแล้วครั้งหนึ่ง เพื่อป้องปรามไม่ให้มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น รวมทั้งเรื่องของเวลาปิดเปิดสถานบริการ ซึ่งในส่วนของเมืองภูเก็ตสถานบันเทิงเปิดได้ไม่เกินเวลา 02.00 น. ซึ่งขึ้นอยู่กับใบอนุญาตของแต่ละร้าน

ด้านนายบุญเสริฐ นาเวศน์ ตัวแทนจากสถานบันเทิงพิ้งค์เลดี้ กล่าวว่า ในส่วนของผู้ประกอบการที่ให้บริการจะต้องควบคุมดูแลพนักงานให้ดี ซึ่งจะต้องเน้นย้ำในเรื่องของการไม่ใช้ความรุนแรงในการควบคุมดูแลคนที่มาเที่ยวเพื่อให้ความเป็นระเบียบเรียบร้อย

ส่วนนายสุพจน์ ธันธารา ผู้จัดการแฟนตาเชีย กล่าวว่า เรื่องของพนักงานการ์ด ในส่วนของแฟนตาเซียจะจ้างจากบริษัทรักษาความปลอดภัยมาดูแล ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีปัญหาอะไร และในส่วนของทางร้านเองก็ปิดตามเวลาที่กำหนดและจะแจ้งให้ลูกค้าทราบก่อนครึ่งชั่วโมงทุกครั้ง

ขณะที่นายศักดิ์ชัย ชูสุวรรณ ผู้จัดการและทีมบริหาร กทม.คลับ กล่าวว่า ในส่วนของกทม.คลับจะให้ความสำคัญกับการรับพนักงานเข้ามาทำงานเป็นอย่างมาก และมีกฎระเบียบที่เคร่งครัด ห้ามพนักงานดื่มเครื่องดื่มของแขกที่มาเที่ยว ห้ามไม่ให้แสดงกริยาที่ไม่ดีกับลูกค้า และที่สำคัญเน้นเรื่องของการบริการลูกค้าซึ่งร้านให้ความสำคัญกับลูกค้าทุกคนที่มาใช้บริการ ส่วนเรื่องของการปิดบริการนั้นมีการปิดบริการตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น