ตรัง - ชมรมคนรักช้างเมืองตรัง ผุดไอเดียเปิดการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ โดยให้ชาวต่างชาตินั่งหลังช้างชมวิถีชาวบ้านในสวนยางพารา พบกระแสตอบรับดีมากในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้
นายสุชาติ บัวเกิด ประธานชมรมคนรักช้างจังหวัดตรัง เปิดเผยว่า ทางชมรมได้บุกเบิกเปิดการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติขึ้น ที่บริเวณหมู่ที่ 3 ตำบลบางกุ้ง อำเภอห้วยยอด โดยเปิดขายแพ็คเกจทัวร์ให้แก่นักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เพื่อขึ้นนั่งหลังช้างสัมผัสธรรมชาติ และเรียนรู้วิถีการดำเนินชีวิตของชาวตรัง ซึ่งกำลังได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก
กิจกรรมจะประกอบไปด้วย การให้นักท่องเที่ยวนั่งหลังช้างได้ทั้งแบบครอบครัว แต่มีจำนวนไม่เกิน 3 คน แบบคนคู่รัก หรือแบบคนเดียว แล้วให้ควาญที่ชำนาญนำช้างพาเดินนำเที่ยวรอบๆ หมู่บ้าน ผ่านสวนปาล์มน้ำมัน สวนยางพารา และพืชไร่ ของชาวบ้าน ก่อนพักเหนื่อยมาดูการแสดงโชว์ช้างเป่าเมาท์ออร์แกน และโยนห่วงฮูลาฮูบ ซึ่งโปรแกรมกิจกรรมทั้งหมดจะใช้เวลานานกว่า 1 ชม. ทำให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้ถึงวิถีชีวิตชนบทของชาวตรังในพื้นที่ โดยเฉพาะกระบวนการผลิตยางพารา ซึ่งเป็นอาชีพหลักของชาวตรัง สำหรับค่าใช้จ่ายในการซื้อแพกเกจนี้ ผู้ใหญ่จะอยู่ที่คนละ 1,000 บาท ส่วนเด็กจะอยู่ที่คนละ 500 บาท
ทั้งนี้ จากการเปิดกิจกรรมท่องเที่ยวดังกล่าวมานานหลายเดือน พบว่าจะเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากกว่านักท่องเที่ยวชาวไทย โดยเฉพาะชาวสวีเดน ซึ่งถือเป็นลูกค้าประจำ และมักบอกต่อๆ กันมา ยิ่งในช่วงเทศกาลคริสต์มาส และช่วงเทศกาลปีใหม่ ประจำปี2555 ปรากฏว่า ขณะนี้มีลูกค้าสั่งจองทัวร์ล่วงหน้ามาแล้วจำนวนหลายราย ดังนั้น จากปกติที่จะมีการนำพลายฉ้าย และพลายปีโป้ มาให้บริการ คงจะต้องนำช้างเชือกอื่นๆ มาเพิ่มการบริการให้แก่นักท่องเที่ยวในช่วงนี้ และหากกิจกรรมการท่องเที่ยวดังกล่าวมีกระแสตอบรับดี ก็จะมีการดึงสมาชิกคนรักช้างเข้าร่วมงานเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัวในโอกาสต่อไป
ด้าน Mr.Sterner ชาวสวีเดน พร้อมครอบครัว ซึ่งได้ซื้อแพกเกจทัวร์ในรูปแบบนั่งหลังช้างชมวิถีธรรมชาติของชาวบ้านในพื้นที่อำเภอห้วยยอด กล่าวว่า ตนอยากสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นภายในครอบครัว ในช่วงเทศกาลวันเฉลิมฉลองเทศกาลสำคัญประจำปี ซึ่งปรากฏว่า รู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก เพราะเป็นกิจกรรมทัวร์ที่สมบูรณ์แบบ หลังจากนี้จะไปบอกเพื่อนๆ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ได้เดินทางมาเพื่อสัมผัสการท่องเที่ยวในรูปแบบเช่นนี้ที่จังหวัดตรังบ้าง